“ไฟแห่งการเก็บเกี่ยว”

วันนี้สมาชิกของคริสตจักรส่วนหนึ่งได้ไปร่วมค่าย”ไฟแห่งการเก็บเกี่ยว”ซึ่งเป็นค่ายขององค์กรพระกิตติคุณสมบูรณ์สัมพันธ์ในประเทศไทย(Full Gospel Assemblies of Thailand) คริสตจักรใจสมานเป็นสมาชิกอยู่ในองค์กรนี้ เราจึงสนับสนุนค่ายดังกล่าวซึ่งจะมีผู้นำและสมาชิกจากคริสตจักรต่างๆทั่วประเทศไทยประมาณ70กว่าคริสตจักรมาร่วมในค่ายนี้

“สงกรานต์”

ทุกปีในช่วงสงกรานต์คนไทยจะเสียชีวิตเป็นจำนวนร้อยและบาดเจ็บเป็นพันจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เป็นการสูญเสียที่ชาวต่างชาติที่ได้ยินข่าวแล้วตกใจและไม่เข้าใจว่าทำไมจึงเกิดขึ้นได้ทุกปีโดยไม่มีทางแก้ไข ไม่ว่ากี่รัฐบาลจะมีมาตรการอย่างไรก็ไม่อาจหยุดยั้งความตายของคนไทยในช่วงสงกรานต์ได้ ทั้งนี้เพราะพื้นฐานนิสัยและความเชื่อของคนไทย

“วันผู้สูงอายุ”

ในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีวันหยุดยาวเพื่อให้ทุกคนมีโอกาสเดินทางกลับไปเยี่ยมครอบครัว เป็นวันรวมญาติของคนไทยรัฐบาลจึงกำหนดให้เป็นวันผู้สูงอายุเพื่อเน้นให้ลูกหลานเห็นความสำคัญของญาติผู้ใหญ่และแสดงความกตัญญู ค่านิยมที่ดีของสังคมไทยที่กำลังหายไปคือการรู้จักให้เกียรติแก่ผู้ใหญ่ ผู้อาวุโสคนรุ่นใหม่มักจะละเลยไม่แสดงความสัมมาคารวะ เพราะคิดว่าไม่สำคัญและไม่จำเป็นในพระคำของพระเจ้ามีบัญญัติในเรื่องนี้“เจ้าจงลุกขึ้นคำนับคนผมหงอกและเคารพคนชรา และจงยำเกรงพระเจ้าของเจ้าเราคือพระเจ้า” ( ลวน.19:32)

“ตระหนักถึงชัยชนะเหนือความตายของพระเยซูคริสต์”

แม้จะผ่านวันระลึกถึงการฟื้นคืนพระชนม์ไปแล้วก็ตามการตระหนักถึงชัยชนะเหนือความตายของพระเยซูคริสต์ควรฝังลึกอยู่ในใจของผู้เชื่อทุกคนในทุกๆวันของการดำเนินชีวิตความจริงนี้ทำให้เรามีกำลังใจในการต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆที่อยู่ในชีวิตของเราเหมือนที่อ.เปาโลกล่าวไว้ในฟิลิปปี4:13 ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

“วันแห่งฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์”

สุดสัปดาห์นี้มีวันสำคัญของคริสเตียนอยู่สองวัน วันแรกคือวันศุกร์ประเสริฐ 30 มีนาคมเป็นวันระลึกถึงการทนทุกข์และสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์บนกางเขนเพื่อรับแบกบาปและรับการพิพากษาแทนมนุษย์ทุกคน ผลดีที่เกิดขึ้นคือทุกคนที่เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์จะได้รับการยกโทษบาป ไม่ต้องเข้าสู่การพิพากษาและการถูกทิ้งในบึงไฟนรก แต่ได้รับความรอดและรับชีวิตนิรันดร์ ขอบคุณพระเยซูคริสต์ที่ทรงยอมตายเพื่อพวกเราทุกคน

“สร้างสาวกผู้สานต่อพระราชกิจของพระเยซู”

คำสั่งของพระเยซูคริสต์ที่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมากต่อการขยายแผ่นดินของพระเจ้าในโลกนี้ เป็นคำสั่งสุดท้ายก่อนที่พระองค์จะเสด็จขึ้นสู่สวรรค์”เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติให่เป็นสาวกของเรา—“(มธ.28:19) การสร้างสาวกจึงเป็นงานรับใช้ที่สำคัญเป็นหลักใหญ่ของคริสตจักรใจสมาน เพราะเราเชื่อว่านี่คือพระประสงค์ของพระเยซูคริสต์ผู้เป็นประมุขของคริสตจักร (อฟ.1:22)

“ให้ความรักของพระเจ้าเป็นพลัง”

ค่านิยมแห่งแผ่นดินของพระเจ้านั้นถือว่าความรักใหญ่ที่สุด (1คร.13:13) แต่ค่านิยมของโลกนี้ถือว่าผลงานใหญ่ที่สุด เป็นตัวตัดสินคุณค่าของแต่ละบุคคล การเน้นเรื่องผลงานที่ปรากฏได้เกิดขึ้นในคริสตจักรโครินธ์ ทำให้อ.เปาโลได้เขียนจดหมายไปเตือนสติว่าเมื่อใดที่ละเลยเรื่องของความรัก

“รักทุกคนด้วยความรักของพระคริสต์”

ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเป็นผลที่พระเยซูคริสต์ปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเห็นในชุมชนแห่งความเชื่อที่เรียกว่าคริสตจักร เป็นเอกลักษณ์ของคริสตจักรที่แตกต่างจากชุมชนอื่นๆ มันเป็นสิ่งสำคัญจนพระเยซูได้สั่งเป็นบัญญัติใหม่เพียงข้อเดียวเท่านั้น “เราให้บัญญัติใหม่ไว้กับพวกท่าน คือให้รักซึ่งกันและกัน เรารักพวกท่านมาแล้วอย่างไร ท่านก็จงรักกันและกันด้วยอย่างนั้น” (ยน.13:34)

“วันแห่งความรัก”

เมื่อวันที่ 14 ที่ผ่านมาเป็นวันวาเลนไทน์ซึ่งเป็นวันแห่งความรัก จากประวัติความเป็นมาของวันดังกล่าวทำให้รู้ว่าความรักที่กล่าวถึงคือความรักของพระเจ้า แต่ปัจจุบันนี้มีการฉลองวันแห่งความรักในประเทศไทยโดยหนุ่มสาวจำนวนมาก เพราะนิยมชมชอบและสนใจในเรื่องความรักของหนุ่มสาว แต่พวกเขาไม่รู้ว่าความรักของพระเจ้าเป็นอย่างไรเพราะไม่เคยมีประสบการณ์กับความรักของพระเจ้า

“จงลงทุนใช้เวลา”

ขอหนุนใจพี่น้องทุกคนให้ตั้งเป้าหมายในปีนี้ที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเจ้าให้เป็นหนึ่งกับพระองค์มากขึ้น ทุกคนสามารถทำได้โดยจัดเวลาที่จะอธิษฐานและอ่านพระวจนะของพระเจ้าในแต่ละวันอย่างสม่ำเสมอ อ่านแบบใคร่ครวญเพื่อให้ความจริงจากพระคำเข้าไปในจิตใจ อ่านด้วยใจอธิษฐานเพื่อให้พระวิญญาณสำแดงความจริงและประทานความเข้าใจให้ การใช้เวลาส่วนตัวกับพระเจ้าโดยการทำกิจกรรมดังกล่าวเรียกว่า”การเฝ้าเดี่ยว”

“การพัฒนาความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดกับพระเจ้า”

การพัฒนาความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดกับพระเจ้าพระบิดาสามารถทำได้โดยผ่านทางการนมัสการพระเจ้าอย่างถูกต้อง พระเยซูได้เปิดเผยให้รู้ว่าการนมัสการที่ถูกต้องนั้นคือการนมัสการพระบิดาด้วยจิตวิญญาณและด้วยความจริง