ก่อนจะเป็นใจสมาน

ย้อนหลังไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 1961 ศจ.วิลเลี่ยม เอฟ. บุทเชอร์ (WILLIAM F.BUTCHER) มิชชันนารีจากคณะ Pentecostal Assemblies of Canada (P.A.O.C.) เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อเผยแพร่ข่าวประเสริฐของพระเยซู โดยเริ่มพันธกิจกับคนจีนในย่านเยาวราช ห้องแคบๆบนชั้น 5 ของแฟลต 6 ชั้น ถูกใช้เป็นที่สอนภาษาจีน ภาษาอังกฤษ และใช้นมัสการพระเจ้า จำนวนผู้สนใจเข้าร่วมมีมากขึ้น จนห้องที่มีขนาดเล็กเป็นทุนเดิม ไม่สามารถรองรับผู้คนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆได้ ในเวลาต่อมาจึงได้ย้ายมาเช่าตึก 3 ชั้น สองคูหาติดกัน ซึ่งแต่เดิมใช้เป็นโกดังเก็บของ บริเวณตรอกถั่วงอก วงวียน 22 กรกฎา และที่นั่นเอง “คริสตจักรพระเจ้าทรงเรียก” ได้ถือกำเนิดขึ้น ในเดือนพฤษภาคม ปี 1963

ด้วยภาระใจที่อยากเห็นงานพันธกิจในประเทศไทยเติบโตขึ้น ปี 1965 อาจารย์บุทเชอร์ เดินทางกลับไปยังประเทศแคนาดา เพื่อประชาสัมพันธ์งานพันธกิจในประเทศไทยตามที่ต่างๆ รวมไปถึงการหาทุนสร้างโรงเรียนพระคริสตธรรมในประเทศไทย ในขณะนั้น อาจารย์ดอน เชลเลนเบอร์ก เป็นผู้ดูแลพันธกิจด้านคริสตจักรต่อไป

แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็บังเกิดขึ้น ในเดือนธันวาคมปี 1965 ที่ประเทศแคนาดา อาจารย์บุทเชอร์ ได้จากไปอยู่กับพระเจ้าด้วยอุบัติเหตุรถยนต์ รถที่ท่านขับ ไปชนกับรถบรรทุกแทรคเตอร์เทรลเลอร์ เนื่องจากท่านอ่อนเพลียจากการเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆในงานรับใช้พระเจ้า และปัญหาสุขภาพอันเป็นผลพวงมาจากที่ท่านเคยถูกจับเป็นเชลยศึกสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อครั้งที่ท่านยังเป็นมิชชันนารีอยู่ที่ประเทศจีน

ปี 1968 ศจ.โรนัลด์ อี. ไวท์ เดินทางมายังประเทศไทย ในเดือนกรกฎาคมได้เริ่มต้นการทำงานที่ โรงเรียนพระคริสตธรรมภาคค่ำบริเวณ สุขุมวิทซอย 11 (ใช้สถานที่เดียวกับ Sharon Bible Center ซึ่งเป็นศูนย์ประกาศข่าวประเสริฐที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการประกาศฯ) มีนักเรียนรุ่นแรกทั้งหมด 5 คน (หนึ่งในนั้นคือคุณวรวิทย์ ประมุขชัย ผู้ที่เป็นทั้งนักเรียนและล่ามให้กับอาจารย์ไวท์ เป็นบุคคลซึ่งเป็นแบบอย่างในการถวายตัวรับใช้พระเจ้า)

วันที่ 11 เดือนตุลาคม ปี 1969 เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของคริสตจักร เมื่อ อาจารย์ไวท์ และสมาชิกอีก 5 ท่าน เดินทางเพื่อไปประกาศเรื่องราวพระเจ้ากับนักโทษในเรือนจำคลองไผ่ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ในขณะที่รถยนต์แล่นไปถึงอำเภอวังน้อย จังหวัดอยุธยา รถจิ๊ป แลนด์โรเวอร์ ของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง วิ่งสวนเลนมาด้วยความเร็วสูง ชนประสานงากับรถของคณะอาจารย์ไวท์เข้าอย่างจัง ทำให้ตัวถังรถฉีกขาดทันที จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น อาจารย์ไวท์ และสมาชิกคนไทยอีก 3 ท่านคือ คุณวรวิทย์ ประมุขชัย, คุณสุวัฒน์ ธีระศิลป์, คุณจุงฟัด แซ่ยับ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น โดยมีผู้รอดชีวิตอย่างเหลือเชื่อ 2 ท่านคือ คุณเตี้ยงจิว แซ่โค้ว และคุณเดชา อังคศุภรกุล ( ปัจจุบัน ศ.จ.เดชา อังคศุภรกุล และจากเหตุการ์ดังกล่าวเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ อาจารย์ มนูญศักดิ์ กมลมาตยากุล ตัดสินใจมาเชื่อพระเจ้า)

ปี 1970-ปี1971 ศจ. โรเบิร์ต เจ. อีมส์ มิชชันนารีที่เปี่ยมด้วยความรู้ และประสบการณ์ทั้งด้านการเป็นศิษยาภิบาล การก่อตั้งโรงเรียนพระคริสตธรรม ท่านเดินทางมารับหน้าที่ศิษยาภิบาล และผู้อำนวยการโรงเรียนพระคริสตธรรม  แต่แล้วสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น อาจารย์อีมส์ จากไปอยู่กับพระเจ้าด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลันในปี 1971  นับเป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของคริสตจักร

ฝันร้ายได้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูเหมือนการสูญเสียในสายตามนุษย์เป็นเรื่องยากที่จะทำใจได้ แต่พระเจ้าทรงมีแผนการดีสำหรับทุกสิ่ง การเสียชีวิตของมิชชันนารีและผู้รับใช้คนไทยไม่ได้สูญเปล่า จากเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น ไม่ได้ทำให้งานพันธกิจในประเทศไทยต้องล้มเลิก คณะ P.A.O.C. และพี่น้องในประเทศแคนาดา ได้รวบรวมเงินจำนวนทั้งสิ้น 2,200,000 บาท เพื่อซื้อที่ดิน 1 ไร่ 1 งาน 45 ตารางวา พร้อมกับบ้านไม้ 2 หลัง ในสุขุมวิท ซอย 6 เพื่อสร้างโรงเรียนพระคริสตธรรมและคริสตจักร เพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ผู้ที่เสียชีวิตทั้งหกคน (บ้านไม้ หลังหนึ่งถูกดัดแปลงเป็นคริสตจักร อีกหลังใช้เป็นบ้านพักของศิษยาภิบาล ส่วนโรงเรียนพระคริสตธรรมยังอยู่ที่เดิม เนื่องจากขาดทุนทรัพย์ในการสร้างอาคารเรียน)

ในเวลานั้นมิชชันนารีรุ่นแรก ได้ร่วมกันรับใช้พระเจ้า เช่น อาจารย์ดอน เชลเลนเบิร์ก, อาจารย์เจนิส โลเว็น,อาจารย์ดอน เรย์เมอร์, อาจารย์คาร์ลสัน ยัง

“เพราะ​ทุก‍คน​ที่​เกิด​จาก​พระ‍เจ้า ก็​มี​ชัย​ต่อ​โลก และ​ความ​เชื่อ​ของ​เรา​นี่‍แหละ​เป็น​ชัย‍ชนะ​ที่​ชนะ​โลก” 1ยน 5:4  ถ้อยคำที่สลักอยู่บนหลุมฝังศพของผู้วายชนม์ทั้งสี่

ศจ.วิลเลียม เอฟ บุทเชอร์ มิชชันารีผู้บุกเบิก

วันเปิดคริสตจักรพระเจ้าทรงเรียก ปี 1963

รถคันที่เกิดอุบัติเหตุ ไม่เหลือเค้าโครงเดิม

ป้ายอนุสรณ์แด่วีรชนทั้ง 6 อันเป็นที่มาของการระดมทุนซื้อที่ดิน ซึ่งต่อมาคือที่ตั้งของ คริสตจักรใจสมาน

ยุคแรก "รุ่นบ้านไม้"

2 เมษายน ปี1972 เป็นวันสถาปนา “คริสตจักรใจสมาน” ขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยการรวมตัวกันของสมาชิกคริสตจักรพระเจ้าทรงเรียก และคริสตจักรสยาม โดยมี ศจ.นิรุทธิ์ จันทร์ก้อน เป็นศิษยาภิบาลคนแรก

ในวันอิสเตอร์ของปีนั้น ห้องรับแขกของบ้านไม้หลังเก่า ที่ตั้งอยู่ ณ. เลขที่ 10-12 ใน สุขุมวิท ซอย 6 ได้ถูกใช้เป็นสถานที่ในการประชุมนมัสการของสมาชิก จำนวน 30 คนเป็นครั้งแรก ในวันนั้นผู้มานมัสการต่างพร้อมใจกันอธิษฐานเพื่อให้แผ่นดินของพระเจ้าแผ่ขยายมากยิ่งขึ้น และพระองค์ทรงตอบคำอธิษฐานนั้น ทรงอวยพระพรให้คริสตจักรเติบโตอย่างมั่นคง พร้อมๆกับความรักที่เพิ่มพูนขึ้นในคริสตจักร

สมาชิกรุ่นแรกของคริสตจักร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว และนิสิต นักศึกษา ต่างมีใจร้อนรนในการประกาศข่าวประเสริฐ ทุกคนออกรับใช้พระเจ้าเป็นคำพยานเรื่องราวของพระเยซู ในทุกๆ วันเสาร์-อาทิตย์ จะมีทีมไปประกาศฯ ไปตามสถานที่ต่างๆ มิได้ขาด กลุ่มอนุชนของคริสตจักรมีบทบาทในการรับใช้พระเจ้าอย่างมาก ในช่วงปิดเทอมมีการรวมตัวกันของนักศึกษาเพื่อศึกษาพระคัมภีร์ และออกไปเป็นพยานทุกวัน งานของพระเจ้าเติบโตขึ้นเป็นลำดับ โดยการทรงนำและพระคุณขององค์พระผู้เป็นเจ้า ในช่วงปลายปีที่ก่อตั้งนั้น สมาชิกจึงเพิ่มขึ้นเป็น 80 คน

ปี 1973 โรงเรียนพระคริสตธรรมย้ายมาอยู่รวมกับคริสตจักร และเปลี่ยนชื่อจากโรงเรียนพระคริสตธรรม เป็น ศูนย์ฝึกอบรมศาสนฑูต (ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นพระคริสตธรรมเพนเทคอสในประเทศไทย และย้ายไปอยู่ที่สุขุมวิท 66/1และสุขุมวิท103 ในปัจจุบัน)

ศูนย์ฝึกอบรมศาสนฑูตในช่วงเริ่มต้น อำนวยการสอนโดย อาจารย์ดอน เรย์ เมอร์ และมีผู้เชี่ยวชาญด้านพระคัมภีร์มาร่วมงานอีกท่านหนึ่งคือ อาจารย์เจียมเม้ง แซ่เล้า ในระหว่างนั้นพี่น้องจากแคนาดาเดินทางมาเยี่ยมและเกิดภาระใจถวายเงินเพื่อสร้างอาคารเรียน 3 ชั้น และทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี1974 (ปัจจุบันอาคารเรียนคือสำนักงานคริสตจักร)

ปี 1976 คริสตจักรได้ขยายงานด้านสื่อสารมวลชน โดยความร่วมมือกับสื่อมวลชนทางชีวิต (The way of life) จัดรายการวิทยุใช้ชื่อรายการว่า “เพื่อนคุณ” รูปแบบรายการเป็นการสนทนาโดยใช้แนวทางของพระคัมภีร์ เป็นรายการที่ได้รับการตอบรับจากผู้ฟังเป็นจำนวนมาก

ที่คริสตจักรเห็นการเคลื่อนไหวของพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างต่อเนื่อง จำนวนสมาชิกจึงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจาก 30 คนในปีแรก เป็น 80 คน ทำให้ต้องขยายห้องประชุม หลังจากนั้นไม่นานจาก 80 คนกลายเป็น 150 คน ต้องขยายห้องประชุมอีกครั้ง แต่สมาชิกยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆไปจนถึง 200 คน บ้านไม้หลังนี้ถูกขยายฝาผนังออกไปรวม 4 ครั้ง แต่ก็ไม่สามารถรองรับคนที่หลั่งไหลเข้ามารับพระคุณของพระเจ้า จนกระทั่งต้องรื้อบ้านไม้หลังเก่าและสร้างอาคารหลังใหม่

ในปี1977 การก่อสร้างอาคารโบสถ์หลังใหม่จึงเริ่มขึ้นในระหว่างที่มีการก่อสร้าง คริสตจักรได้ย้ายไปนมัสการที่ โรงเรียนมาแตร์เดอีเป็นการชั่วคราว

วันที่ 24 ธันวาคม ปี 1978 เป็นวันที่พวกเรากลับจากโรงเรียนมาแตร์เดอี เพื่อมานมัสการพระเจ้าที่อาคารหลังใหม่และฉลองวันคริสตมาส เป็นอีกหนึ่งวันที่เต็มล้นด้วยความชื่นชมยินดี

ภาพคริสตจักรใจสมานในยุคแรก

อ.มนูญศักดิ์ (คนขวาสุด) อ.ดอน เรเมอร์ (ที่2จากซ้าย, คนที่จับคานอยู่คือพี่ชายอาจารย์มนูญศักดิ์)  กำลังรื้อบ้านไม้เพื่อขยายพื้นที่

เคลื่อนขบวนจากคริสตจักรไปยังมาแตร์ฯ

บ้านหลังใหม่

วันจันทร์ที่ 30 เมษายน ปี 1979 ถือเป็นวันประวัติศาสตร์สำคัญของคริสตจักร  พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร  และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรชายา(พระยศในเวลานั้น) เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ เปิดอาคาร คริสตจักรใจสมาน สร้างความปลื้มปิติยินดีแก่สมาชิกคริสตจักรใจสมาน และผู้นำคริสตจักร องค์การคริสเตียนต่างๆ ตลอดจนบรรดามิชชั่นนารีที่ร่วมรับเสด็จฯ ต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้น และเป็นที่ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าสำหรับอาคารใหม่หลังนี้

ปี 1980-1987 เป็นช่วงเวลาที่คริสตจักรเจริญเติบโตเป็นอย่างมาก จำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นจากเดิมมากถึงเกือบ1,000 คน คริสตจักรเน้นเรื่องการสร้างสาวกและผู้นำ เพื่อรองรับกับจำนวนสมาชิกที่มีมากขึ้น มีการร่วมมือกับคริสตจักรและองค์การคริสเตียนในประเทศไทย จัดงานสำคัญๆต่างๆ เช่น รายการ ความหวังใหม่ สิ้นกระแสกรรม วันแห่งชัยชนะ 

คริสตจักรมีการปรับรูปแบบในการดูแลสมาชิกโดยมีการตั้งกลุ่มเซลล์หรือกลุ่มพัฒนาชีวิต(กพช.) เพื่อให้สมารถดูแลสมาชิกที่มีอยู่จำนวนมากได้อย่างใกล้ชิดและทั่วถึง มีการฝึกอบรมบุคลากร โดยการเปิดสถาบันใจสมานขึ้น และขยายงานพันธกิจด้านการประกาศและตั้งคริสตจักร

ปี 1988 เหตุการณ์กรณีที่ดินคริสตจักร มีการเจรจาซื้อขายที่ดินเกิดขึ้น ต่อมาเกิดปัญหาทำให้เป็นคดีฟ้องร้องกันขึ้นมา ในเวลาเดียวกันก็มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำ

พิธีเปิดอาคารหลังใหม่

พระคุณพระเจ้าต่อที่ดินผืนนี้

ก้าวไปไม่หยุดยั้ง

ปี 1989 ศ.จ.มนูญศักดิ์ กมลมาตยากุล เข้ารับตำแหน่งศิษยาภิบาล โดยมีพิธีสถาปนา วันที่ 6 สิงหาคม 1989 ในเวลานั้นมีอุปสรรคและปัญหาที่ต้องฟันฝ่ากรณีคดีที่ดิน แต่พระเจ้ามีแผนการดีสำหรับทุกสิ่ง

ปี 1994 อาจารย์มนูญศักดิ์เดินทางไปต่างประเทศ จึงเชิญอาจารย์ประยูร ลิมะหุตะเศรณี มาเป็นศิษยาภิบาลร่วม ท่านเป็นผู้หนึ่งที่ร่วมรับใช้อย่างสุดกำลัง

ด้านการบุกเบิกก่อตั้งคริสตจักร ด้วยชีวิตที่ทุ่มเท พระเจ้าทรงอวยพรให้แผ่นดินของพระเจ้าได้แผ่ขยายไปในที่ต่างๆมากมายในช่วงเวลาต่อมา ดังต่อไปนี้

– 1992 คริสตจักรใจสมานชลบุรี
– 1993 คริสตจักรใจสมานนวนคร( ปัจจุบัน คริสตจักรใจสมานคลองหลวง)
– 1993 คริสตจักรใจสมานธนบุรี
– 1994 คริสตจักรใจสมานสมุทรปราการ
– 1997 คริสตจักรใจสมานหัวหิน
– 1998 คริสตจักรใจสมานปทุมธานี
– 1998 คริสตจักรใจสมานนนทบุรี
– 2013 คริสตจักรใจสมานบ้านดอนนางงาม
– 2013 คริสตจักรใจสมาน สุวินทวงศ์

ปี 1996 คริสตจักรมีแผนการสร้างสถานที่ ที่สามารถจุคนได้มากขึ้น ผนวกกับการหาพื้นที่ใหม่เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง จึงมีแผนการที่จะตั้งคริสตจักรขึ้นให้ครบสี่มุมเมือง พื้นที่ในส่วนกลาง(ซึ่งมีคริสตจักรใจสมานสุขุมวิทตั้งอยู่) ขยายพื้นที่ไปยังโซนเหนือ โซนตะวันออก และโซนตะวันตกของกรุงเทพฯ พระเจ้าทรงอวยพรและใช้เราให้เปิดคริสตจักรขึ้นในปี 1999 คริสตจักรใจสมานรามคำแหง 68 (โซนตะวันออก)ได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการ ในเวลาต่อมา คริสตจักรใจสมานวิภาวดีฯ (โซนเหนือ ปัจจุบัน คือคริสตจักรใจสมานหลักสี่) ตั้งขึ้นในปี 2001 ปี 2004 คริสตจักรใจสมานเพชรเกษม 11 (โซนตะวันตก) ได้เปิดขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่ปฎิบัติพระราชกิจของพระองค์ ตามแผนการของพระเจ้าที่ได้ทรงตั้งไว้

นอกจากงานพันธกิจในประเทศแล้ว คริสตจักรมีนิมิตเป้าหมายที่ได้ส่งมิชชันนารีไปทำงานพันธกิจในต่างประเทศ คือ พันธกิจประเทศสิงคโปร์ และพันธกิจประเทศฮ่องกง

แม้ในปัจจุบันคริสตจักรลูกต่างๆที่ได้กล่าวมาข้างต้น จะสามารถเลี้ยงดูตนเองได้แล้ว แต่ความรักความผูกพันในความเป็นครอบครัวเดียวกันยังคงฝังอยู่ในจิตใจของทุกคน และยังคงให้ความช่วยเหลือกันและกันด้วยดีเสมอมา

คริสตจักรบุกเบิกงานด้านพันธกิจอย่างต่อเนื่อง และเกิดเป็นศูนย์ประกาศข่าวประเสริฐขึ้นมากมาย ตามพื้นที่ต่างๆของประเทศไทย อีกทั้งยังบุกเบิกงานพันธกิจในต่างประเทศ ทั้งการส่งมิชชันนารีและการสนับสนุนด้านต่างๆ และในปึ 2015 จะเป็นปีแห่งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน AEC คริสตจักรใจสมานจึงเริ่มบุกเบิกงาน พันธกิจ AEC และอินโดจีน

ปัจจุบันมีพันธกิจที่อยู่ในความดูแลของคริสตจักรมีดังนี้

พันธกิจในประเทศ

ศูนย์ใจสมานดอนเมือง
ศูนย์ข่าวประเสริฐใจสมานบ้านชีวิตใหม่-คลองเตย
ศูนย์ข่าวประเสริฐใจสมานโนนสุวรรณ
พันธกิจเติมใจรัก
พันธกิจชัยนาท
พันธกิจแพร่

พันธกิจต่างประเทศ

พันธกิจประเทศเนปาล
พันธกิจประเทศฮ่องกง
พันธกิจประเทศจีน
พันธกิจประเทศเกาหลีใต้
พันธกิจประเทศเยอรมัน

พันธกิจ AEC และอินโดจีน

ภาพงานสถาปนา อาจารย์มนูญศักดิ์

พันธกิจในประเทศ

พันธกิจต่างประเทศ

พันธกิจ AEC และอินโดจีน

อดีต ปัจจุบัน อนาคต

ในงานด้านสังคมสงเคราะห์ คริสตจักรใจสมานได้ให้ความช่วยเหลือสังคมอย่างสม่ำเสมอ ทั้งผู้ด้อยโอกาสในชุมชนต่างๆ หรือผู้ประสบภัย เช่น เหตุการณ์ซึนามิถล่มที่ภาคใต้ วิกฤตน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2011 คริสตจักรได้เปิดให้ผู้ประสบภัยเข้ามาใช้สถานที่ เป็นศูนย์พักพิงเพื่อบรรเทาทุกข์

ช่วงเวลาเกือบครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา สถานที่แห่งนี้ถูกใช้เพื่อพระราชกิจของพระเจ้าอย่างมากมาย จิตวิญญาณคนนับไม่ถ้วนได้มารับความรอดจากองค์พระเยซูคริสต์เจ้า ชีวิตที่สิ้นหวัง ท้อแท้ กลับมีชีวิตใหม่อีกครั้ง หลายท่านได้รับการรักษาอย่างอัศจรรย์ ทั้งร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ หลายต่อหลายคนได้รับการสร้างชีวิตเติบโตขึ้นเป็นผู้นำที่เข้มแข็งผ่านสถานที่แห่งนี้

บนผืนดิน 1 ไร่ 1 งาน 45 ตารางวา ยังคงถูกใช้ให้เป็นประโยชน์ในการงานของพระเจ้า ไม่ว่าจะเป็น การนมัสการ การเทศนา ชั้นเรียนพระคัมภีร์ การฝึกอบรมเพื่อพัฒนาสมาชิก การพัฒนาผู้นำ การจัดกิจกรรมต่างๆของคริสตจักร และเป็นพระพรให้กับหน่วยงาน องค์การคริสเตียนทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ในการใช้สถานที่ กอปรกิจการงานของพระจ้า

คดีที่ดินยังไม่สิ้นสุด และดูเหมือนหนทางที่จะชนะคดีช่างริบหรี่ แต่เรายังคงอธิษฐานกับพระเจ้า ขอการช่วยกู้จากพระองค์

“วันแห่งพระคุณ 21 กรกฎาคม 2016”  เป็นวันที่ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษา โดยศาลฎีกาตัดสินให้ทีดินและสิ่งปลูกสร้างของคริสตจักรใจสมาน ตกเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน

27 ปี แห่งการรอคอย  27 ปีที่คดีความเรื่องที่ดินได้เริ่มต้นและสิ้นสุดลง วันนี้เราได้เห็นถึงพระคุณที่พระองค์มีต่อที่ดินผืนนี้ และต่อชีวิตของทุกคนในใจสมาน เราเชื่อว่าพระองค์มีพระประสงค์ให้เรามีชัยชนะในคดีที่ดิน เพื่อที่จะเป็นพระพรกับอีกหลายชีวิตที่ยังไม่พบกับความสว่าง ได้มารู้จักกับพระเจ้า ได้รับการเปลียนแปลงและเริ่มต้นชีวิตใหม่ เหมือนที่หลายชีวิตได้รับมาแล้ว ขอบพระคุณพระเจ้า เราหวังว่าช่วงเวลาที่เหลืออยู่ในชีวิตของเรา จะมีโอกาสได้ปรนนิบัติรับใช้พระองค์และก้าวต่อไปสู่ความมั่นคง สมกับที่พระเจ้าทรงกระทำการมโหฬารให้เรา

คริสตจักรใจสมานมีประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนาน เรื่องราวต่างๆมากมายได้เกิดขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเราจะไม่ลืม และถ่ายทอดเรื่องราวจากรุ่นไปสู่รุ่น นั่นคือ หัวใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก ความทุ่มเท เสียสละ เพื่อปรนนิบัติรับใช้องค์พระเยซูคริสต์อย่างสัตย์ซื่อ ทั้งการประกาศฯ เลี้ยงดู และสร้างสาวก เฉกเช่นเดียวกับคนในรุ่นแรกที่ได้เป็นแบบอย่างในงานรับใช้ ดั่งนิมิตและปรัชญาของคริสตจักรที่ว่า “สร้างสาวกให้เป็นแสงสว่าง เพื่อขยายแผ่นดินของพระเจ้า ในประเทศไทยและที่สุดปลายแผ่นดินโลก”

คริสตจักรใจสมานสุขุมวิท

new-build-Ram68

คริสตจักรใจสมานรามคำแหง