นักวิจัยได้ทดลองเกี่ยวกับการแสดงความรัก ความเฉยเมยและความเกลียดชังด้วยคำพูดต่อเด็กทารก โดยแยกเด็กออกเป็นสามกลุ่ม กลุ่มแรก ผู้เลี้ยงดูพูดกับเด็กทุกวันเสมอๆว่า “ ฉันรักหนู ”
ผลปรากฏว่า เด็กตอบสนองด้วยความชื่นชมยินดี อารมณ์ดีและเชื่อฟัง กลุ่มที่สอง ผู้เลี้ยงดูจะเฉยๆ คือไม่พูดว่ารักหรือเกลียด ผลก็คือ เด็กจะตอบสนองด้วยความสับสนไม่แน่ใจ มีท่าทีเก็บตัวและอารมณ์เฉื่อยช้า สำหรับ กลุ่มที่สาม ผู้เลี้ยงดูจะพูดว่า “ฉันเกลียดหนู” อยู่ตลอดเวลา ผลคือ เด็กจะร้องไห้บ่อยๆ มีความหวาดกลัว ทั้งเป็นเด็กเจ้าอารมณ์ หน้าตาขึงขัง และหงุดหงิด
อาจารย์วิชาสุขศึกษา ชั้นมัธยมของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ได้ให้เด็กนักเรียนทั้งชั้น ไปบอกคุณพ่อคุณแม่ของตน วันละครั้งว่า “ผม(หนู)รักคุณพ่อคุณแม่” วันแรก พ่อแม่เด็กนักเรียน กว่าครึ่งห้องโทรศัพท์มาถามที่โรงเรียนด้วยความประหลาดใจว่า เกิดอะไรขึ้นกับลูกของตน แต่อาจารย์ผู้นั้นตอบผู้ปกครองเด็กว่า..การที่คนเราแสดงความรักด้วยคำพูดต่อผู้อื่นหรือได้ยินผู้อื่นแสดงความรักด้วยคำพูดต่อเรานั้น เป็นการเสริมสร้างสุขภาพร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ ให้ดีขึ้น
ขอหนุนใจทุกครอบครัว ให้ฝึกฝนศิลปะแห่งความรัก ที่จะแสดงออกต่อกันและกันด้วยคำพูดภายในครอบครัว ระหว่างญาติมิตรและเพื่อนร่วมงาน โดยให้ทำ ด้วยความจริงใจ และสม่ำเสมอ คุณก็จะเสริมสร้างตัวเองและผู้อื่น ทั้งเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อผู้ที่คุณแสดงความรักด้วย อย่างน้อยขอให้เริ่มในครอบครัวของคุณก่อน คุณจะแปลกใจที่เห็นบรรยากาศในครอบครัวของคุณเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากทีเดียว คือ จะก่อให้เกิดความชื่นชมยินดี การเอาใจใส่ต่อกัน และจะมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดสนิทสนมมากกว่าแต่ก่อน และทุกชีวิตในบ้านก็จะพลอยมีความสุข
“ ถ้อยคำ แช่มชื่น เหมือนรวงผึ้ง เป็นความหวาน แก่วิญญาณจิต
และ เป็นอนามัย แก่ร่างกาย ” ( สภษ.16:24 )
เรียบเรียงจาก บทความของ ดร. วิชาญ ฤทธิ์นิมิต 11/04/2006