กระทรวงการคลังจะมีคนกลุ่มหนึ่ง ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการแยกธนบัตรปลอมออกจากธนบัตรจริง คนกลุ่มนี้ไม่ได้ใช้เวลาศึกษาเรียนรู้ธนบัตรปลอม แต่ใช้เวลาเรียนรู้และคุ้นเคยกับธนบัตรจริงอย่างถ่องแท้ จนเมื่อเห็นธนบัตรปลอมหรือสัมผัสธนบัตรปลอม ก็จะผิดสังเกตและแยกออกได้
ลักษณะคริสเตียนแท้ คือ ประพฤติชอบ และ รักพี่น้องคริสเตียน ถึงแม้ว่าจะมีความแตกต่างกันทางด้านหน้าตา ผิวพรรณ ฐานะ และเชื้อชาติ และลักษณะดังกล่าวได้มาจากธรรมชาติใหม่ เมื่อบุคคลนั้นบังเกิดใหม่จากพระเจ้า (ยน.1:12,13)
คริสเตียนแท้ ไม่มีนิสัยแห่งการทำบาปเป็นประจำ เพราะเขามี ธรรมชาติของพระเจ้า อยู่ในตัว เขาจึงไม่มีปกติกระทำบาป แต่ยอห์นก็ยอมรับความจริงว่า คริสเตียนแท้ก็มีการทำบาป ทำผิดเป็นครั้งเป็นคราวในการดำเนินชีวิต ถ้าจะว่าไม่มีบาปเลยก็เป็นการหลอกลวงตัวเอง วีรบุรุษแห่งความเชื่อในพระคัมภีร์ ก็มีการทำผิดบาปในชีวิตเหมือนกัน เช่น อับราฮัมโกหก โมเสสโกรธและขัดคำสั่งพระเจ้า เปโตรปฏิเสธพระเยซู 3 ครั้ง เป็นต้น แต่ไม่ได้เกิดเป็นประจำเป็นปกติวิสัย เป็นความบกพร่อง ความอ่อนแอของมนุษย์ เมื่อทำผิดบาปคนเหล่านี้ ยอมรับผิด และ ขอการยกโทษจากพระเจ้า
คริสเตียนเทียม คนที่ไม่บังเกิดใหม่ ใช้ชีวิตในความบาปเป็นประจำ บาปแห่งการไม่เชื่อฟัง (อฟ.2:1-3) แม้เขาจะพูดว่า เชื่อพระเจ้า ก็ไม่ใช่ความเชื่อที่แท้จริง เขาอาจจะร่วมในกิจกรรมและพิธีกรรมของคริสเตียน แต่เขา ไม่รู้จักพระเจ้าจริงๆ เขาไม่มีประสบการณ์บังเกิดใหม่ ไม่มีธรรมชาติใหม่ของพระเจ้าในตัวเขา การประพฤติของเขาเป็นเพียงการแสดงภายนอกเท่านั้น แต่ตัวจริงข้างใน ยังไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่
เหตุใดคริสเตียนแท้จึงมีชีวิตที่ชอบธรรม
ยอห์นให้เหตุผล 3 ประการว่า เหตุใดคริสเตียนแท้จึงมีชีวิตที่ชอบธรรม
1. พระบิดาทรงรักเรา (3:1-3)
ความรักของพระเจ้าอัศจรรย์ เพราะแม้ว่า เมื่อเราเป็น ศัตรู กับพระองค์ พระองค์ได้ส่งพระบุตรของพระองค์มาตายเพื่อเรา แผนการแห่งความรอดเริ่มต้นที่ ความรักของพระเจ้าเมื่อเรามีประสบการณ์ในความรอดของพระองค์ ได้รับรู้ถึงความรักยิ่งใหญ่ของพระเจ้า จิตใจของเรารับการเปลี่ยนใหม่ เราจึงไม่ต้องการมีชีวิต อยู่ในความบาปอีกต่อไป ความยำเกรงพระเจ้าในใจของเรา ทำให้เราไม่ต้องการดื้อรั้น กบฎต่อพระองค์ ไม่ต้องการทำให้ พระบิดาเสียพระทัย
2. พระเยซูคริสต์สละชีวิตเพื่อเรา (3:4-8)
พระเยซูเสด็จมาในโลกเพื่อรับแบกความผิดบาปแทนเรา และเพื่อทำลายกิจกรรมของมารซาตาน
ความผิดบาปไม่ได้หมายถึง เฉพาะ การกระทำที่แสดงออก แต่ยังหมายถึงท่าที ภายในใจ ซึ่งเป็นต้นตอของการทำบาป แก่นสารของความบาป คือ การกบฎ การไม่ยอมจำนนต่อ น้ำพระทัยพระเจ้า การเอาแต่ใจตนเอง แม้ภายนอกอาจจะดูเรียบร้อย แต่ถ้าภายในใจยังไม่ยอม ยังแข็งกระด้าง ความบาปก็ยังคงอยู่กับคนนั้น
ตัวอย่างเช่น คุณพ่อขับรถไปกับลูกชาย 3 ขวบ ที่แสนซน อยากรู้อยากเห็น ขณะขับรถอยู่ ลูกชายก็ปลดเข็มขัดนิรภัย แล้วลุกขึ้นยืนเพื่อจะมองออกไปนอกหน้าต่างรถ คุณพ่อสั่ง “เอก นั่งลงเดี๋ยวนี้” ผมไม่นั่ง” “ถ้าลูกไม่นั่งพ่อจะจอดรถเดี๋ยวนี้แล้วจัดการลูก” …” นั่งก็ได้” เด็กพูดด้วยความไม่พอใจ สักครู่ลูกชายก็พูดเบาๆว่า “ ข้างในตัวผม ยังยืนอยู่ ”…
เมื่อเราบังเกิดใหม่จริงๆ เป็นบุตรของพระเจ้า เรามีธรรมชาติใหม่ของพระองค์ มีสามัคคีธรรมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระองค์ ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่เราจะยังคง ทำบาปเป็นประจำ ผู้ที่เรียกตัวเองว่าคริสเตียน แต่ยังคงทำบาปเป็นประจำในชีวิตของเขา ก็ไม่ได้สามัคคีธรรมกับพระองค์ และอาจจะยังไม่ได้บังเกิดใหม่ในฝ่ายวิญญาณ ความตายของพระคริสต์บนกางเขนทำลายอำนาจแห่งความบาปไปจากชีวิตของเรา ทำให้เราตายร่วมกับพระองค์และเป็นอิสระจากการควบคุมของบาปได้
อย่าให้คริสเตียนปลอมหลอกลวงเราว่า เมื่อเราได้รับความรอดแล้ว เรายังสามารถใช้ชีวิต อยู่ในความบาปต่อไปได้ พระเจ้าไม่ว่า พระองค์เข้าใจ คริสเตียนที่ตั้งใจใช้ชีวิตในความบาปไปเรื่อยๆ โดยไม่กลับใจใหม่ โดยไม่รู้สึกผิดปกติ ต้องพิจารณาแล้วว่า ท่านได้บังเกิดใหม่จากพระเจ้าหรือไม่
3. พระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ภายในเรา ( ยน. 3:9,10)
ผู้ที่เกิดจากพระเจ้าไม่ทำบาป เพราะธรรมชาติของพระเจ้าอยู่ภายในเขา และธรรมชาติใหม่ไม่ทำบาป ผู้ที่ต้อนรับพระเยซูคริสต์ในชีวิต ได้รับฐานะใหม่จากพระเจ้า คือ ผู้ชอบธรรม เป็นผู้ชอบธรรมในสายพระเนตรพระเจ้า เขาถูกแยกออกเพื่อทำตามน้ำพระทัยพระเจ้า เพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ และเขาได้รับชีวิตใหม่ เป็นชีวิตฝ่ายวิญญาณ ที่เกิดขึ้นโดยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์และโดยพระคำของพระเจ้า (ยน.3:6; 1 ปต.1:23)
คริสเตียนมีธรรมชาติเก่า ซึ่งมาจากการเกิดฝ่ายร่างกาย และมีธรรมชาติใหม่ซึ่งเกิดมาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ธรรมชาติเก่านำเรา สู่ความบาป ธรรมชาติใหม่นำเรา สู่ชีวิตที่บริสุทธิ์ คริสเตียนต้องดำเนินชีวิตตามธรรมชาติใหม่ ไม่ใช่ตามธรรมชาติเก่า ดังนั้นต้องบำรุงธรรมชาติใหม่ด้วยอาหารพิเศษ คือ พระคำของพระเจ้า (มธ.4:4) ถ้าขาดอาหารหล่อเลี้ยงธรรมชาติใหม่จะอ่อนแอ เราต้องเอาใจใส่สำรวจชีวิตฝ่ายวิญญาณเสมอ ส่องดูด้วยกระจกแห่ง พระคำพระเจ้า (ยก.1:22-25) ถ้าพบความบาปที่ปกปิดไว้ รีบสารภาพรับการชำระให้สะอาด ถ้าไม่จัดการจะเกิดความสกปรก เกิดเชื้อโรคฝ่ายวิญญาณทำให้เจ็บป่วยฝ่ายวิญญาณ เกิดอาการถดถอยฝ่ายวิญญาณ ความบาปรุกคืบเข้าในใจ เราไม่ต่อสู้แต่ยอมแพ้ ทำให้เกิดการอักเสบฝ่ายวิญญาณ ป่วยฝ่ายวิญญาณ สูญเสีย ความหิวกระหาย ฝ่ายวิญญาณ ดังนั้นเราต้องรับผิดชอบสำรวจชีวิตฝ่ายวิญญาณของเราทุกวัน ถ้ามีความ ผิดบาปให้รีบ สารภาพ และรับ การชำระโดยพระโลหิตทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้ไม่จัดการ มันจะสร้างปัญหาใหญ่ในภายหลัง
ซาตานวางเหยื่อล่อ วางกับดักแห่งการล่อลวง
ซาตานวางเหยื่อล่อ วางกับดักแห่งการล่อลวง (ล่อตา ล่อใจ) มันต้องการตกเบ็ด คริสเตียน มารจะเอาสิ่งที่ล่อลวง ดึงดูดธรรมชาติเก่าในตัวคริสเตียน ถ้าคริสเตียนดำเนินตาม ธรรมชาติเก่าก็จะกินเหยื่อของมารและ ติดเบ็ด ดังนั้นเราต้องดำเนินชีวิตตาม ธรรมชาติใหม่ ซึ่งจะทำให้เราไม่สนใจเหยื่อล่อของมาร ทำให้เราปลอดภัย จงให้ร่างกายของเราถูกควบคุมโดยธรรมชาติใหม่ (รม.6:12,13)
เมื่อถูกทดลอง ถูกล่อลวง ให้ทำบาป จงรีบอธิษฐานต่อพระเจ้า และอ้างพระสัญญาของพระเจ้า (1 คร.10:13) ขอกำลังจากพระวิญญาณบริสุทธิ์
ความจริงเหล่านี้ ไม่ได้เขียนขึ้นเพื่อให้เราใช้ไปตรวจสอบ ผู้อื่น แต่ใช้เพื่อตรวจสอบ ตัวเราเอง แต่ละคนต้องตอบคำถามเหล่านี้อย่างสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าว่า
– ข้าพเจ้ามีธรรมชาติใหม่ภายในตัวหรือไม่ หรือเพียงแต่แสดงตัวเป็นคริสเตียนภายนอก แต่ภายในไม่มีชีวิตใหม่จริงๆ
– ข้าพเจ้าหล่อเลี้ยงธรรมชาติใหม่ในตัวของข้าพเจ้า ด้วยการอ่านพระคำและอธิษฐานเป็นประจำทุกวันหรือไม่ ?
– ข้าพเจ้าได้ปกปิดความบาปบางอย่างเอาไว้ ทำให้ชีวิตภายในสกปรกหรือไม่ ? ข้าพเจ้ายอมสารภาพ และทิ้งความบาปนั้นหรือไม่ ?
– ข้าพเจ้ายอมให้ธรรมชาติเก่าควบคุมความคิดและความต้องการของข้าพเจ้า หรือให้ธรรมชาติใหม่ควบคุม ?
– เมื่อการทดลองเกิดขึ้น ข้าพเจ้ารีบหนีจากการทดลองทันทีหรือว่า ข้าพเจ้ายอม ให้การทดลองวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ไม่ต่อสู้และขจัดมันออกไป
บทความโดย ศจ. มนูญศักดิ์ กมลมาตยากุล