1โครินโธ 9 :21 ต่อคนที่อยู่นอกธรรมบัญญัติ ข้าพเจ้าเป็นคนนอกธรรมบัญญัติ เพื่อจะได้คนที่อยู่นอกธรรมบัญญัติ แต่ข้าพเจ้ามิได้อยู่นอกธรรมบัญญัติของพระเจ้า แต่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติของพระคริสต์

1. จุดยืนของคริสเตียน
คริสเตียนควรเข้าใจจุดยืนของตนเองก่อนว่าเราเป็นใคร ?
– เราคือคนบาปที่เข้ามารับการไถ่โทษจากพระเยซูโดยความเชื่อ (ยน.3: 16 )
-เราคือสาวกของพระเยซู ที่เดินตามพระองค์ รักพระองค์เป็นที่หนึ่ง รักพระเยซูสุดจิต สุดใจ สิ้นสุดกำลังความคิด (มธ.22: 37 ) รักพระเยซูยิ่งกว่าสิ่งใด ยิ่งกว่าตนเอง และแม้แต่เพื่อนของเราด้วย (ลก. 15: 26 )
– เราคือ ผู้ที่รักเพื่อนบ้านของเรา เหมือนรักตนเอง (มธ. 22 :29 )
ดังนั้นการสนองความรักของพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญและการสำแดงความรักต่อเพื่อนของเราก็เป็นสิ่งสำคัญด้วย

ดังนั้นก่อนคบเพื่อนและช่วยเขา เราควร
-สำรวจท่าที่ในจิตใจเรา และทำความเข้าใจจุดยืนของเราเองก่อน ให้ความรักของพระเจ้า และเพื่อนบ้านครองใจเรา มิฉะนั้นเราจะเห็นแก่ตัว ถ้าเรามีความเกลียดชัง ความผิด ความข่มขื่น หรือราคะตัณหา เราต้องจัดการเสียก่อน โดยการถ่อมใจ กลับใจ สารภาพบาปต่อพระเจ้า

2 . การคบเพื่อน ขอแนะนำภาคปฎิบัติเป็นข้อ ๆ ดังต่อไปนี้

2.1 สำแดงความรักเพื่อนที่ยังไม่เป็นคริสเตียนอย่างจริงใจ
มธ. 5: 14 – 16 พระเยซูตรัสว่า “ท่านทั้งหลายเป็นความสว่างของโลก นครซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาจะปิดบังไว้ไมได้ มื่อจุดตะเกียงแล้ว ไม่มีผู้ใดเอาถุงครอบไว้ ย่อมตั้งไว้บนเชิงตะเกียง จะได้ส่องสว่างแก่ทุกคนที่อยู่ในเรือนนั้น ท่านทั้งหลายก็เหมือนกับตะเกียง จงส่องสว่างแก่คนทั้งปวง เพื่อว่าเมื่อเขาได้เห็นความดีที่ท่านทำ เขาจะได้สรรเสริญพระบิดาของท่านผู้อยู่ในสวรรค์

คริสเตียนควรสำแดงผลของพระวิญญาณ ไม่เพียงแต่พี่น้องคริสเตียนด้วยกัน แต่กับเพื่อนของเราที่ยังไม่เชื่อด้วย ผลของพระวิญญาณใน กาลาเทีย 5 :22-23

1.ความรัก (1 โครินธ์ 13: 4-7 )ไม่อิจฉาเวลาเขาได้ดี ,ได้รับคำชม ,ไม่อวดตัว เวลาตัวเรารับความสำเร็จ หรือรางวัล ไม่ทับถมเขา ,ไม่หยาบคาย โดยเฉพาะเวลาเขาทำอะไรไมได้ดังใจเรา
2.สันติสุข (โรม 5 : 1 ) สันติสุขเกิดขึ้นเมื่อใจเราเชื่อในพระเจ้า ,( อสย. 48:22 ) เก็บบ่มความบาปไว้ไม่เลิก ไม่มีสันติสุข ต้องกลับใจใหม่
3. ความยินดี (โรม 14 17 ) ความยินดีชนิดที่เกิดขึ้นจากภายใน ไม่เสแสร้ง เกิดจากใจมีสันติสุข เราควรสำแดงความยินดีเช่นนี้
4.ความอดกลั้นใจ (1 โครินธ์ 13: 4-7 ) มีความหมาย “อดทนนาน” อดทนแม้ความผิด เชื่อในส่วนที่ดีของเขาเสมอ มีความหวังอยู่เสมอ ไม่ย่อมแพ้เลิกรา
5.ความปรานี ( ลูกา6 :35) ให้เขายืมโดยไม่หวังคืน, รักและทำดีต่อศัตรู ,( 1 โครินโธ 13: 4 )กระทำคุณให้ มี น้ำใจ ให้เขามากกว่าได้รับ
6.ความดี( กาลาเทีย 6 :8-9 ) การช่วยเหลือ ,การให้ ( โรม 15: 14 )
7.ความสัตย์ซื่อ ( 2 โครินธ์ 1: 18 ) สัตย์จริง ไม่กลับกลอก มีวาจาเชื่อถือได้
8.ความสุภาพอ่อนน้อม (2 โครินธ์ 10 :1 ) ความอ่อนสุภาพ ไม่ฉีกหน้าคนอื่นให้อับอาย ,(ยากอบ 3 :17 ) นุ่มนวลสุภาพ ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร ,ไม่ถือตน9.การรู้จักบังคับตน ( 2 ทิโมธี 3: 3 ) การยับยั้งชั่งใจ การควบคุมอารมณ์ มีวินัย ไม่กลับไปทำความผิดตามคำชักชวนในทางไม่ดี ,ไม่ฉุนเฉียวเมื่อไม่ได้ดังใจ

ความรักไม่เห็นแก่ตัว แต่ปรารถนาให้สิ่งที่ดีแก่เขาอย่างจริงใจ ผลของพระวิญญาณดังกล่าวนี้ไม่ได้เกิดจากการพยายามของเราเอง แต่เกิดจากการที่เราติดสนิทกับพระเยซูคริสต์ แล้วเพื่อนของเราจะเห็น ซึ่งจะนำเขามาพบพระเจ้าในที่สุด

พระเยซูทรงมีเพื่อนเป็นคนเก็บภาษี และคนบาป จนสร้างความงุนงงให้แก่พวกธรรมจารย์อย่างมาก (มก. 2 : 16 ) พระองค์ทรงรับประทานอาหารกับพวกเขา

อย่าลืมว่า คนเหล่านั้นต้องการความรัก ความรอด และชีวิตใหม่ในพระเยซูคริสต์เหมือนกับที่เราต้องการ

2.2 ท่านคือผู้สร้างความเป็นเพื่อน

เพื่อนำเขามารู้จักความรักของพระเจ้า พระเยซูทรงสร้างความเป็นเพื่อนกับคนเสมอ
มธ. 9 :10 -13 พระเยซูและสาวกของพระองค์ ประทับเสวยพระกระยาหารในบ้านกับคนเก็บภาษี
ยอห์น 2: 1-11 พระเยซูและสาวกได้รับเชิญไปงานเลี้ยงสมรส ของบ่าวสาวคู่หนึ่ง
ยอห์น 4 : 28-42 พระเยซูเริ่มการสนทนากับหญิงชาวสะมาเรียที่บ่อน้ำ
ลูกา 14 : 1 -24 พระเยซูเสวยพระกระยาหารในเรือขุนนาง พวกฟาริสี
มาระโก 14: 3 -9 พระเยซูประทับนั่งเสวยพระกระยาหารในบ้านซีโมน คนโรคเรื้อน

ถ้าสังเกต จะเห็นว่าพระองค์ทรงเป็นฝ่ายทอดสะพานความเป็นมิตรไปสู่คนเหล่านี้ เราสามารถเรียนการสร้างความเป็นมิตรกับผู้อื่นได้โดย

-ตรวจสอบท่าทีและจุดยืนของตนเองก่อน ถ้ายังไม่ถูกต้อง ควรจัดการให้ถูกต้อง
– เรียนการเป็นตัวของตัวเอง ความอาย ความหยิ่ง ความน้อยเนื้อต่ำใจ ล้วนเป็นอุปสรรคในการสร้างความเป็นเพื่อนกับผู้อื่น คิดถึงตนเองเกินกว่าที่ควรจะคิด (โรม 12: 3 )
จดจำชื่อเขา พระเยซูทรงเป็นแบอย่าง (ยอห์น 1 : 42 ,ลูกา 19 : 5 )
– เอาใจเขามาใส่เรา เข้าใจเขา พระเยซูทรงเป็นแบบ (ลูกา 7 :13 ), 1 โครินธ์ 10 :22 เปาโลพูดถึงการที่ท่านลงไปนั่งในสภาพจิตใจของคนอื่น เมื่อเรามีน้ำใจอย่างนี้ เรามักจะพบ และช่วยคนที่ขาดเพื่อน แม้ท่ามกลางคนที่เข้ามาสู่คริสตจักร ในสังคมของเรามีคนที่ร้องเหมือนดาวิด ในสดุดี 142 :4 เสมอ “ไม่มีมใครเอาใจใส่ข้าพระองค์”
-เป็นเพื่อนอย่างจริงใจ ลองคิดว่าท่านสามารถให้สิ่งดีอะไรแก่เขาได้บ้าง ( สุภาษิต 18: 24 ) และกระทำแก่เขาโดยไม่หวังผลตอบแทน