“รู้ความจริงในพระคัมภีร์อย่างถ่องแท้”

“พอค่ำลงพวกพี่น้องจึงส่งเปาโลกับสิลาสไปยังเมืองเบโรอา ครั้นถึงแล้วท่านจึงเข้าไปในธรรมศาลาของพวกยิว ยิวชาวเมืองนั่นมีจิตใจสูงกว่าชาวเมืองเธสะโลนิกา ด้วยเขามีใจเลื่อมใสรับพระวจนะของพระเจ้า และค้นดูพระคัมภีร์ทุกวัน หวังจะรู้ว่าข้อความเหล่านั้นจะจริงดังกล่าวหรือไม่”(กจ.17:10-11)

“ความยำเกรงพระเจ้าและการเชื่อฟังพระองค์”

ความต้องการที่จะมีอำนาจในการนำ ในการควบคุมสั่งการและการปกครองได้ทำให้บางคนไม่สนใจหลักความจริงแห่งพระคำของพระเจ้า เขาพร้อมที่จะทำสิ่งที่เป็นความผิดบาปเพื่อรักษาอำนาจของตนเองเอาไว้ ยกตัวอย่างกษัตริย์เยโรโบอัมซึ่งเป็นกษัตริย์องค์แรกของอาณาจักรเหนือ(อิสราเอล) ปกครองอิสราเอล 10 เผ่า พระเจ้าตรัสว่าพระองค์จะฉีกอาณาจักรของซาโลมอนออกมามอบให้เขาได้ปกครอง และก็เป็นเช่นนั้น แต่เมื่อได้อำนาจมาปกครองแล้ว แทนที่จะสำนึกในพระเมตตาคุณของพระเจ้า เยโรโบอัมได้สร้างรูปปั้นวัวทองคำ2ตัว และสั่งให้ชนอิสราเอล 10 เผ่ากราบไหว้วัวทองคำโดยไม่ต้องเดินทางไปที่พระวิหารในเยรูซาเล็ม(1พกษ.12:25-33)

“คริสเตียนต้องเต็มล้นด้วยพระวิญญาณ”

วันนี้เป็นวันเพ็นเทคอสซึ่งเป็นวันสำคัญทั้งของชาวยิวและคริสตชนทั่วโลก สำหรับชาวยิววันเพ็นเทคอสเป็นเทศกาลสำคัญที่พระเจ้าได้กำหนดให้ชาวยิวทั้งปวงมารวมตัวที่พระวิหารเพื่อนมัสการพระเจ้าเป็นเทศกาลสัปดาห์ (เพ็นเทคอส)

“เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการไว้วางใจในการจัดเตรียมของพระเจ้า”

ให้เราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการไว้วางใจในการจัดเตรียมของพระเจ้า คนในโลกนี้มีความวิตกกังวลถึงเรื่องความอยู่รอดในแต่ละวัน กังวลเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน กังวลเรื่องอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร เราเป็นลูกของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ พระเจ้าผู้สร้างทุกสิ่งจากความว่างเปล่าด้วยพระดำรัสอันทรงฤทธิ์ของพระองค์ ดังนั้นพระองค์สามารถจัดเตรียมทุกสิ่งที่จำเป็นแก่เราได้

“ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในคริสตจักร”

ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในคริสตจักรจะได้รับการหล่อเลี้ยงเมื่อทุกคนตระหนักถึงความเหมือนกันที่แต่ละคนมีอยู่ในชีวิตของการเป็นสาวกของพระเยซู นั่นคือการเป็นอวัยวะในกายเดียวกัน การมีพระวิญญาณองค์เดียวกัน การมีความหวังในในความรอดเหมือนกัน การมีความเชื่อเดียวกัน มีองค์พระผู้เป็นเจ้าเดียวกัน รับบัพติสมาเข้าในพระเยซูคริสต์เหมือนกัน มีพระบิดาเดียวกัน ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ล้วนแต่เป็นสาระสำคัญยิ่งของพวกเราทุกคน (อฟ.4:4-6)

“ไฟแห่งการเก็บเกี่ยว”

วันนี้สมาชิกของคริสตจักรส่วนหนึ่งได้ไปร่วมค่าย”ไฟแห่งการเก็บเกี่ยว”ซึ่งเป็นค่ายขององค์กรพระกิตติคุณสมบูรณ์สัมพันธ์ในประเทศไทย(Full Gospel Assemblies of Thailand) คริสตจักรใจสมานเป็นสมาชิกอยู่ในองค์กรนี้ เราจึงสนับสนุนค่ายดังกล่าวซึ่งจะมีผู้นำและสมาชิกจากคริสตจักรต่างๆทั่วประเทศไทยประมาณ70กว่าคริสตจักรมาร่วมในค่ายนี้

“สงกรานต์”

ทุกปีในช่วงสงกรานต์คนไทยจะเสียชีวิตเป็นจำนวนร้อยและบาดเจ็บเป็นพันจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เป็นการสูญเสียที่ชาวต่างชาติที่ได้ยินข่าวแล้วตกใจและไม่เข้าใจว่าทำไมจึงเกิดขึ้นได้ทุกปีโดยไม่มีทางแก้ไข ไม่ว่ากี่รัฐบาลจะมีมาตรการอย่างไรก็ไม่อาจหยุดยั้งความตายของคนไทยในช่วงสงกรานต์ได้ ทั้งนี้เพราะพื้นฐานนิสัยและความเชื่อของคนไทย

“วันผู้สูงอายุ”

ในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีวันหยุดยาวเพื่อให้ทุกคนมีโอกาสเดินทางกลับไปเยี่ยมครอบครัว เป็นวันรวมญาติของคนไทยรัฐบาลจึงกำหนดให้เป็นวันผู้สูงอายุเพื่อเน้นให้ลูกหลานเห็นความสำคัญของญาติผู้ใหญ่และแสดงความกตัญญู ค่านิยมที่ดีของสังคมไทยที่กำลังหายไปคือการรู้จักให้เกียรติแก่ผู้ใหญ่ ผู้อาวุโสคนรุ่นใหม่มักจะละเลยไม่แสดงความสัมมาคารวะ เพราะคิดว่าไม่สำคัญและไม่จำเป็นในพระคำของพระเจ้ามีบัญญัติในเรื่องนี้“เจ้าจงลุกขึ้นคำนับคนผมหงอกและเคารพคนชรา และจงยำเกรงพระเจ้าของเจ้าเราคือพระเจ้า” ( ลวน.19:32)

“ตระหนักถึงชัยชนะเหนือความตายของพระเยซูคริสต์”

แม้จะผ่านวันระลึกถึงการฟื้นคืนพระชนม์ไปแล้วก็ตามการตระหนักถึงชัยชนะเหนือความตายของพระเยซูคริสต์ควรฝังลึกอยู่ในใจของผู้เชื่อทุกคนในทุกๆวันของการดำเนินชีวิตความจริงนี้ทำให้เรามีกำลังใจในการต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆที่อยู่ในชีวิตของเราเหมือนที่อ.เปาโลกล่าวไว้ในฟิลิปปี4:13 ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า

“วันแห่งฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์”

สุดสัปดาห์นี้มีวันสำคัญของคริสเตียนอยู่สองวัน วันแรกคือวันศุกร์ประเสริฐ 30 มีนาคมเป็นวันระลึกถึงการทนทุกข์และสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์บนกางเขนเพื่อรับแบกบาปและรับการพิพากษาแทนมนุษย์ทุกคน ผลดีที่เกิดขึ้นคือทุกคนที่เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์จะได้รับการยกโทษบาป ไม่ต้องเข้าสู่การพิพากษาและการถูกทิ้งในบึงไฟนรก แต่ได้รับความรอดและรับชีวิตนิรันดร์ ขอบคุณพระเยซูคริสต์ที่ทรงยอมตายเพื่อพวกเราทุกคน