คำเทศนาวันอาทิตย์ที่ 22 พ.ย.2020 โดย ศจ.ดร.อนันต์ วิไลธนารักษ์ คริสตจักรใจสมานรามคำแหง

“ก้าวด้วยความเชื่อ” (ลูกา17:11-18)

ท่ามกลางวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม ปัญหาเศรษฐกิจ หลายคนอาจยังไม่มั่นใจว่าเราจะก้าวต่อไปอย่างไร โดยเฉพาะในปีหน้าที่ดูเหมือนว่าสถานการณ์ต่างๆยังไม่ดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามพระเจ้ายังคงต้องการที่จะใช้เราให้มีชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า และเกิดผลมากขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความยากลำบาก ในเช้านี้จึงอยากหนุนใจจากพระคำของพระเจ้าที่เราก้าวต่อไปด้วยความเชื่อ จากพระธรรม ลูกา17:11-18 ดังนี้

1.ก้าวไปด้วยพระเมตตา (Keep on walking with God’s mercy) 
ข้อ12-13 พวกเขายืนอยู่แต่ไกล และส่งเสียงร้องว่า “เยซูนายเจ้าข้า โปรดเมตตาเราเถิด” อธิบาย  คนโรคเรื้อนในสมัยนั้นถือเป็นโรคผิวหนังที่ร้ายแรงยากที่จะรักษาหาย และสังคมรังเกียจในสมัยนั้น ดูเหมือนว่าพวกเขาหมดหวัง สิ้นหวัง ไม่มีใครที่จะช่วยเขา ไม่สามารถดำเนินชีวิตอย่างปกติและมีความสุขได้อีกต่อไป จนกระทั่งวันหนึ่งพระองค์เสด็จมาผ่านหมู่บ้านที่พวกเขาอยู่ ท่ามกลางความมืดมิดของชีวิต เขาได้พบกับแสงสว่างอีกครั้ง พวกเขาร้องทูลขอย่างสุดใจ ขอความเมตตาจากพระองค์ให้รักษาพวกเขา การนำไปใช้  เราสามารถก้าวไปด้วยความเชื่อได้ เพราะตระหนักว่าพระเจ้าทรงมีเมตตาต่อชีวิตเรา หากเราเผชิญอุปสรรคปัญหาให้เราตระหนักถึงพระเมตตาของพระเจ้า และร้องทูลต่อพระองค์  / 2 พศด.30:9ข เพราะพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของท่านทรงพระเมตตาและกรุณา ถ้าท่านกลับมาหาพระองค์ พระองค์จะไม่ทรงหันพระพักตร์ไปจากท่าน การก้าวไปด้วยความเชื่อ นอกจากก้าวไปด้วยพระเมตตาแล้ว ประการที่สองคือ ก้าวไปด้วยการกระทำ
2.ก้าวไปด้วยความเชื่อ (Keep on walking with faith 
ข้อ14 พระองค์ทรงทอดพระเนตรแล้ว จึงตรัสกับเขาว่า “จงไปสำแดงตัวแก่พวกปุโรหิตเถิด เมื่อพวกเขากำลังเดินไปก็หายสะอาด” อธิบาย  เขาได้ทูลขอความเมตตาจากพระเจ้า และเขายินดีที่ก้าวตามที่พระองค์ทรงบอกพวกเขา ถึงแม้พระองค์จะไม่ได้รักษาเขาทันที และเขาต้องไปสำแดงตัวแก่ปุโรหิตก่อน ซึ่งดูเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนักเพราะขณะนั้นเขายังไม่ได้รับการรักษา พวกเขากล้าที่ก้าวไปด้วยความเชื่อ จนในที่สุดพระเยซูได้ทรงทำการอัศจรรย์ในชีวิตของพวกเขา การนำไปใช้  เราสามารถก้าวไปด้วยความเชื่อได้ เพราะตระหนักถึงฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่สูงสุด หลายครั้งเมื่อเราทูลอธิษฐานต่อพระเจ้า เราพบว่าพระเจ้าไม่ได้ทรงตอบคำอธิษฐานตามความคิดของเรา แต่พระองค์ทรงตอบตามแผนการของพระองค์ อสย.55:8 กล่าวว่า “เพราะความคิดของเราไม่เป็นความคิดของเจ้า ทั้งทางของเจ้าไม่เป็นวิถีของเรา เพราะฟ้าสวรรค์สูงกว่าแผ่นดินโลกฉันใด วิถีของเราสูงกว่าทางของเจ้า และความคิดของเราก็สูงกว่าความคิดของเจ้าฉันนั้น” ให้เรามั่นใจในฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าและก้าวออกไปด้วยความเชื่อหากเป็นน้ำพระทัยที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา ตัวอย่าง  ยน.2.1-11 พระเยซูเปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่น / ยชว.3.15  โยชูวาพาชนชาติอิสราเอลก้าวข้ามแม่น้ำจอร์แดนด้วยความเชื่อ / วิลเลี่ยม ซีมัวร์ ผู้นำการฟื้นฟูของเพ็นเทคอส ยืนหยัดแม้ถูกกล่าวหาว่ามีความเชื่อผิดเพี้ยน / ชีวิตของอ.อนันต์ พระเจ้าทรงเรียกให้ถวายตัวในปีที่วางแผนจะแต่งงาน การก้าวไปด้วยความเชื่อ นอกจากก้าวไปด้วยพระเมตตา ก้าวไปด้วยความเชื่อ แล้ว ประการที่สามคือ ก้าวไปด้วยการขอบพระคุณ

3.ก้าวไปด้วยการขอบพระคุณ (keep on walking with thanksgiving)
ข้อ15 คนหนึ่งในพวกนั้นเมื่อเห็นว่าตัวเองหายโรคแล้ว จึงกลับมาสรรเสริญพระเจ้าด้วยเสียงดัง และกราบลงที่พระบาทของพระเยซู ขอบคุณพระองค์ อธิบาย คนโรคเรื้อนที่หายโรคสิบคน ได้กลับมายกย่องสรรเสริญพระเจ้าเพียงหนึ่งคน และคนที่กลับมาเป็นชาวสะมาเรียที่ดูเหมือนน่าจะแยกตัวออกไปเลย แต่เขายังมีใจแห่งการขอบพระคุณ เพราะชาวสะมาเรียจะไม่คบหากับชาวยิว เขาสรรเสริญด้วยเสียงดัง และกราบลงที่พระบาทของพระเยซู เป็นการสำนึกในพระคุณของพระองค์อย่างสูงสุด การนำไปใช้ การก้าวไปด้วยชัยชนะเป็นการก้าวไปด้วยท่าทีแห่งการขอบพระคุณ  การขอบพระคุณเป็นท่าทีสำคัญของคริสเตียนที่ควรเกิดขึ้นเสมอ เพราะชีวิตของเราได้รับการช่วยเหลือจากพระเจ้า หากปราศจากพระองค์แล้ว เราคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ การขอบพระคุณจะทำให้ชีวิตของเราใกล้ชิดกับพระเจ้า สดด9:1 ข้าพระองค์จะขอบคุณพระเจ้าด้วยสิ้นสุดใจของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะบอกถึงการอัศจรรย์ทั้งสิ้นของพระองค์ สดด 106:1 จงโมทนาขอบพระคุณพระเจ้าเพราะพระองค์ประเสริฐ เพราะความรักมั่นคงดำรงเป็นนิตย์ สดด 147:1 จงสรรเสริญพระเจ้า เป็นการดีที่จะร้องเพลงถวายสดุดีแด่พระเจ้า เพราะพระองค์ทรงเมตตาและบทเพลงถวายก็เหมาะสม อฟ.5:20 จงขอบพระคุณพระเจ้าคือพระบิดาสำหรับสิ่งสารพัดเสมอ ในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้าของเรา

สรุป