1 . สำแดงฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า (มก.16:20)

2 . เพื่อยืนยันกับผู้ไม่เชื่อ (คนนอก) ( 1 คร.14:25)

3 . เพื่อดึงดูดความสนใจ (กจ.2:7)

4 . เพื่อถวายเกียรติแก่พระเจ้า (กจ.4:21)

5 . เพื่อประโยชน์ร่วมกันของพี่น้องผู้เชื่อ ( 1คร.12:7)

พระคำไม่ได้กล่าวถึงข้อแม้ว่ามีอะไรบ้างในการรับของประทานแต่ก็หนุนใจให้ผู้เชื่อแสวงหา ด้วย ใจปรารถนาของประทานก็คือให้ฟรี ๆไม่ได้ขึ้นกับความเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณไม่ได้ขึ้นกับขนาดของความเชื่อหรือความรู้ แต่จุดใหญ่อยู่ที่พระวิญญาณบริสุทธิ์เองที่จะประทานให้ตามที่เห็นสมควรและการให้ ก็ไม่ใช่ให้ครอบครองถาวรแต่ตามที่ พระวิญญาณบริสุทธิ์เห็นสมควร

ประสบการณ์เรื่องของประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่บางคนได้รับไม่ได้หมายความว่าจะเป็นรูปแบบแน่นอนที่ คนอื่นจะยึดเป็นมาตรฐาน (รม.12:6) 1 คร.12:29,30

ผู้เชื่อสามารถอธิษฐานทูลขอด้วยใจปรารถนาเพื่อจะได้รับของประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ทุกคนควรขอและแสวงหาด้วยใจร้อนรน

ของประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ใน 1 คร.12:8-10 มี 9 ประการ

แบ่งเป็น 3 กลุ่ม – ด้านการสำแดง ; ถ้อยคำแห่งสติปัญญา ; ถ้อยคำแห่งความรู้ ; การสังเกตวิญญาณ;ด้านฤทธิ์เดช ; การรักษาโรค ; การอิทธิฤทธิ์ ; ความเชื่อ ; ด้านคำพูด ;- การพูดภาษาแปลก ๆ ; การแปล ; การเผยพระวจนะ (พยากรณ์)

ถ้อยคำแห่งสติปัญญา (WORD OF WISDOM) ได้รับจากพระเจ้าเพื่อเหตุการณ์ใดโดยเฉพาะ ไม่ใช่ สติปัญญาทั้งหมดในทุก ๆ ด้าน เพื่อให้เข้าใจและสามารถแก้ไขปัญหาในสถานการณ์นั้นๆ ได้เป็นความสามารถในการใช้ความรู้ข้อมูลแห่งความจริงได้อย่างถูกต้อง พระเยซูใช้ของประทานนี้ ยน.8:7 มธ.22:21 พวกอัครทูตรับของประทานนี้(กจ.15:1-21) ใน O.T.ก็มีผู้ได้รับของประทาน ด้านสติปัญญาพิเศษจากพระเจ้าเบซาเอล-ด้านช่าง(อพย.31:3) โยชูวา-ด้านผู้นำ (ฉธบ.34:9) โซโลมอน -การปกครอง,การพิพากษา (1 พกษ.3:11-28) พระเจ้าสัญญาใน ยก.1:5 ให้ขอสติปัญญาแล้วพระองค์จะให้เป็นไปได้ที่จะให้โดยผ่านทางของประทาน คือถ้อยคำแห่งสติปัญญา

ถ้อยคำแห่งความรู้ รู้ความจริงที่พระเจ้าเปิดเผยให้ทราบอาจจะเกี่ยวกับบุคคลสิ่งของสถานที่ เหตุการณ์ ซึ่งโดยปกติจะไม่มีทางรู้ได้เลย แต่ไม่ใช่รู้ทุกเรื่องตลอดเวลา รู้บางเรื่องบางขณะเท่านั้นตามที่ได้รับการเปิดเผยจากพระเจ้า:-เอลีซารู้เรื่องเหคะซีรับของจากนามาน (2พกษ.5:26) เอลีซารู้แผนการณ์ของพวกซีเรีย(2 พกษ.6:9-12; พระเยซูรู้เรื่องของนะชันเอล (ยน.1:48) เปโตรรู้เรื่องการโกงของอะนาเนียซัฟฟีรา(กจ.5:1-6) อ.เปาโลรู้เรื่องความเชื่อของคนง่อย (กจ.14:8-10)แต่คริสเตียนก็ต้องศึกษาขวนขวายที่จะเพิ่มพูนความรู้โดยสติปัญญาและความสามารถที่พระเจ้าประทานให้โดยปกติ แต่บางครั้งพระองค์จะประทานด้วยวิธีเหนือธรรมชาติ คือ ของประทาน ถ้อยคำแห่งความรู้ อย่ามัวแต่รอของประทานนี้โดยไม่ศึกษาเพิ่มพูนความรู้

การสังเกตวิญญาณ คำว่าสังเกตในภาษากรีกคือ DIAKRISISเป็นการตัดสินจากรู้แจ้งแทงตลอดในข้อมูลความจริงถึงแก่นแท้แต่ไม่ใช่เกี่ยวกับเรื่องของมนุษย์เป็นเรื่องความจริงเกี่ยวกับวิญญาณวินิจฉัยแยกแยะและตัดสินว่ามาจากไหน:-จากพระเจ้า,จากมารหรือจากวิญญาณมนุษย์ พระคัมภีร์สั่งให้พิสูจน์วิญญาณ-ทุกวิญญาณ (1ยน.4:1) ต้องระวังวิญญาณเท็จ (มธ.7:15-27; 1 คร.12:3; 1 ยน.4:1-6) แต่ของประทานนี้มาจากพระวิญญาณ โดยตรง (1 คร.2:10 ; 2:15)

บางครั้งความสามารถในการวินิจฉัยของมนุษย์มีจำกัดไม่สามารถแยกได้ว่ากิจการนั้น ๆ มาจากแหล่งใดฝ่ายวิญญาณ เพราะบ่อยครั้งมารเลียนแบบได้เหมือนมาก
อ.เปาโลสังเกตวิญญาณและไล่ผีหมอดูที่เมืองฟิลิปปี (กจ.16:16-18) ;เอลีมัส คนทำวิทยาคม (กจ.13:6-11)

ของประทานนี้แตกต่างจากถ้อยคำแห่งความรู้เพราะของประทานสังเกตวิญญาณเกี่ยวกับเรื่อง วิญญาณโดยเฉพาะให้เห็นได้ยินได้ชิมได้แตะสัมผัสได้กลิ่นของโลกฝ่ายวิญญาณ

บทความโดย ศจ. มนูญศักดิ์ กมลมาตยากุล