การเผยพระวจนะเป็นการพูดโดยการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นภาษาของผู้พูดและ ภาษาของผู้ฟังเข้าใจได้ทันทีโดยไม่ต้องแปล ถ่ายทอดข่าวสารที่พระเจ้าต้องการให้ที่ประชุมทราบ
ไม่ใช่การเทศนาเพราะการเผยพระวจนะไม่มีการเตรียมตัวล่วงหน้า ไม่มีการท่องจำข้อพระคำหรือหาตัวอย่างที่ดี เตรียมโครงเรื่อง บทขึ้นต้น บทสรุป ไม่มี แต่ออกมาทันทีทันใดตามที่ พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทานให้คำพูดของเปโตรในวันเพนเท็นสเตบางคนกล่าวว่าไม่ใช่คำเทศนาแต่เป็น การเผยพระวจนะโดย พระวิญญาณบริสุทธิ์ ประทานถ้อยคำให้ เผยพระวจนะมีประโยชน์ คือ

1 หนุนความเชื่อ ให้เจริญฝ่ายวิญญาณ 1 คร.14:3 , อสย.41:10

2 หนุนใจชีวิตฝ่ายวิญญาณ ให้มีกำลังใจ 1 คร.14:3 , อสย.49:8-16

3 ปลอบประโลมให้กำลังความมั่นใจ 1 คร.14:3 , EX,อสย.40:1,2,9-11

4 ทำให้สำนึกในความบาป 1 คร.14:24

5 ทำให้เรียนรู้ 1 คร.14:31

6 พยากรณ์เหตุการณ์ในอนาคต กจ.21:10,11

การเผยพระวจนะเป็นของประทานที่พระเจ้าประทานให้แก่คนมากมาย(กจ.2:18) แต่การใช้ของประทานนี้ต้องใช้เป็นระเบียบ(1คร.14:31) ถ้าพูดพร้อมกันคนแรกเงียบก่อน (14:30) พูดเพียง 2-3 คนก็พอให้คนอื่นวินิจฉัย (14:29)
พระคัมภีร์ต้องมีสิทธิอำนาจเหนือกว่าคำพยากรณ์,คำเผยพระวจนะ คำเผยพระวจนะสมัยนี้ไม่ใช่เพื่อจะไปเพิ่มเติมพระคำที่มีอยู่แล้ว แต่เพื่อหนุนใจหรือเตือนความจำหรือทำให้มีน้ำหนักมีชีวิตชีวามากขึ้น ถ้าคำเผย พระวจนะถูกยกย่องให้มีสิทธิอำนาจมากกว่าพระคัมภีร์เมื่อไหร่ความยุ่งเหยิงวุ่นวายจะเกิดขึ้นแน่นอน

บทความโดย ศจ. มนูญศักดิ์ กมลมาตยากุล