1. ศิษยาภิบาลควรระลึกไว้เสมอว่า ท่านอาจเป็นคนหนึ่งที่ตกอยู่ในการทดลองได้เหมือนคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินทองหรือศีลธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเย่อหยิ่ง
2. คริสตจักรควรสนับสนุนศิษยาภิบาลในเรื่องของค่าใช้จ่ายต่างๆให้เพียงพอ เพื่อป้องกันไม่ให้ศิษยาภิบาลตกอยู่ในการทดลองเรื่องการเงิน
3. ศิษยาภิบาลไม่ควรอ้างตามความคิดของตนว่า เงินไม่พอใช้จ่าย แล้วนำข้ออ้างนั้นมาเอาเงินของคริสตจักรไปใช้โดยพลการ
4. การล่อลวงที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ศิษยาภิบาลมักจะเหมาค่าใช้จ่ายส่วนตัวของตนนั้นว่า คริสตจักรจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนตัวของตนด้วย
5. ศิษยาภิบาลไม่ควรเกิดความรู้สึกน้อยใจ ถ้าหากว่าคณะกรรมการคริสตจักรหรือฝ่ายการเงิน ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านเสนอเกี่ยวกับเรื่องไหนควรจ่าย หรือสิ่งไหนไม่ควรจ่าย
6. ศิษยาภิบาลควรระลึกเสมอว่า เงินทองของคริสตจักรเป็นของพระเจ้า ซึ่งเขาไม่มีสิทธิ์ขาดในเงินเหล่านั้น
7. ศิษยาภิบาลไม่ควรมีส่วนในเรื่องการเงิน แต่ควรตั้งกรรมการอย่างน้อย 3 คนขึ้นไป ให้เป็นผู้รับผิดชอบร่วม เพราะถ้ามีเพียง 2 คน อาจจะมีช่องโหว่ในการทุจริต เช่น สมรู้ร่วมคิดกัน ยักยอกเงินได้
8. ศิษยาภิบาลไม่ควรให้คำปรึกษาแก่สมาชิกสตรีตามลำพัง โดยไม่มีบุคคลที่สาม ร่วมอยู่ด้วย คนที่เหมาะสมอย่างยิ่งก็คือภรรยาของท่าน ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องให้คำปรึกษาแก่สตรีคนใดคนหนึ่ง ควรเปิดประตูห้องไว้และนั่งตรงกันข้ามห่างกันพอประมาณ
9. ไม่ข้องแวะหรือยุ่งเกี่ยวกับสตรีเพศ แต่ถ้าศิษยาภิบาลคนใดเผลอใจให้กับหญิงในคริสตจักร เขาก็ควรสารภาพผิดต่อพระเจ้าโดยทันที และขอให้พระองค์ทรงอภัยบาปนั้น
ข้อมูลจากฝ่าย ประชาสัมพันธ์ วันที่ 10/05/2005