( O.T. = พระคัมภีร์เก่า , N.T. = พระคัมภีร์ใหม่ )

ความแตกต่างระหว่างผู้เชื่อในสมัย O.T.กับในสมัย N.T. ที่เกี่ยวพันกับ พระวิญญาณบริสุทธิ์ คือในสมัยN.T.พระวิญญาณบริสุทธิ์ อยู่กับและอยู่ในผู้เชื่อตามคำตรัสของพระเยซู ยน.14:17 ในสมัย O.T. พระวิญญาณบริสุทธิ์ เคลื่อนไหวผ่านมนุษย์เพื่อให้รับใช้พระเจ้าในหลายรูปแบบลักษณะพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตอยู่ในผู้เชื่อ สมัย O.T. ก็เพื่อให้กำลังความสามารถ พิเศษในการรับใช้ สมัย O.T. ไม่มีผู้เชื่อคนใดได้รับ บัพติสมาพระวิญญาณบริสุทธิ์ ประสบการณ์นี้เกิดครั้งแรกในวันเพนเตคอส

สมัยนั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ จะสนับสนุนส่งเสริมให้ผู้เชื่อมีคุณสมบัติพิเศษภายนอกบางด้านเพื่อทำราชกิจของพระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ ลงมาเหนือบางคน เช่นบาลาอัม กดว.24:2 ; เจฟธาห์ วนฉ.11:29 กิเดโอน วนฉ.6:34 เติมเต็มหรือประกอบด้วย พระวิญญาณบริสุทธิ์ เช่น เบซาเลล อพย.31:2 ; มีคาห์ มีคาห์.3:8 ลงมาเหนือบางคนผู้ปกครอง 70 คน กดว.11:25 เอลดัดและ เมลดัด กดว.11:26 ในช่วงสมัย O.T.งานของ พระวิญญาณบริสุทธิ์ ดำเนินไปตามอำนาจสิทธิขาดสูงสุดของพระเจ้า มากกว่าที่จะเป็นการทำตามพระสัญญาของพระเจ้าให้สำเร็จที่ผู้เชื่อสามารถเรียกร้อง และอ้างเอาได้

สมัย O.T.พระวิญญาณบริสุทธิ์ ลงมาสถิตเป็นครั้งคราว เช่น แซมสัน (กดว.บท 13-16)ซามูเอลพ้นความทุกข์ทรมานเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้ละจากพระองค์ไป (1 ซมอ.18:12;16:14) เอเสเคียล ได้รับการเจิมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นครั้งคราว (อสค.2:2 ; 3;24
บางคนก็แบ่งงานของ พระวิญญาณบริสุทธิ์ใน O.T. ออกเป็น 4 ด้าน คือ

  1. ด้านการเมือง – โมเสส ซาอูล (กดว.11:16,17 ; 1ซมอ.10:6,10 )
  2. ด้านจริยธรรม – พวกผู้เผยพระวจนะ,ศาสดาพยากรณ์ นำคำเตือน การฟื้นฟูฝ่ายวิญญาณมาสู่สังคม
  3. ฝ่ายร่างกาย – เช่น แซมสันให้มีพลังมหาศาล
  4. สติปัญญาความรู้ เช่น เบซาเลล (อพย. 31:2,3 ; 35:30,31)

ในสมัยO.T.ไม่มีกล่าวถึงงานของ พระวิญญาณบริสุทธิ์ ในลักษณะการสร้างชีวิตด้านคุณธรรมผลของ พระวิญญาณบริสุทธิ์ ในชีวิตผู้เชื่อและใน O.T.พระวิญญาณบริสุทธิ์เกี่ยวข้องกับผู้นำผู้เผยพระวจนะและกษัตริย์ เพื่อนำให้พวกนี้ ปกครองและ นำชนชาติของพระเจ้าอย่างถูกต้อง

 

ในชีวิตของพระเยซูคริสต์

การเกิด ลก.1:35 โดยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทำให้มาเรียตั้งครรถ์ ทำให้เป็นมนุษย์แท้ แต่บริสุทธิ์ไร้มลทินของอาดัม เอวา

การบัพติสมาเจิมพระเยซูคริสต์ ลก.3:21,22;กจ.10:38 ไม่มีใครรู้เวลาแน่นอนว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้ทรงเจิมพระเยซูคริสต์ตั้งแต่เมื่อไหร่ อาจกล่าวได้ว่าตั้งแต่กำเนิด แต่การเจิม ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่เปิดเผยเมื่อตอนที่พระเยซูขึ้นจากน้ำก็มีความสำคัญต่อการเริ่มพระราชกิจ ของพระองค์ อย่างเต็มที่ในฐานะพระมาซีฮา

การเผชิญการทดลอง พระเยซูคริสต์ได้รับการทรงนำจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เข้าไปในถิ่น ทุรกันดาร (มก.1:12) และภายหลังจากการทดลองแล้วพระคัมภีร์ได้บันทึกว่าพระองค์กลับออกมา ด้วยฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์(ลก.4:14)พระเยซูประจักษ์แจ้งในเรื่องการเจิมของพระวิญญาณ เมื่อพระองค์เริ่มต้นทำราชกิจในแคว้นกาลิลี (ลก.4:18) ร่างกายของพระองค์เป็นที่สถิตของ- พระวิญญาณบริสุทธิ์ (ยน.2:19)
การปฎิบัติราชกิจ ตลอดเวลาในการปฎิบัติราชกิจพระเยซูพึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์การอัศจรรย์ต่างๆ ทรงนำโดย ฤทธิ์เดชแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ (รม.1:3,4) การขับผี (มธ.12:28) พระองค์ ได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์อย่างไม่จำกัด (ยน.3:34) ซึ่งแตกต่างจากการพวกสาวกของพระองค์ที่ได้รับอย่างจำกัด
การตายและการฟื้นจากตาย พระคริสต์ได้ฟื้นจากตายในวันที่สามโดยฤทธิ์เดชแห่ง พระวิญญาณบริสุทธิ์ ( 1 ปต.3:18 รม.1:4 ; 8: 11)

การส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ลงมาอยู่กับสาวก เมื่อพระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์แล้วพระองค์ได้ส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้ลงมาอยู่กับสาวกตามคำสัญญาและเป็นผู้ช่วยที่เหมือนพระองค์ทุกประการ สถิตอยู่กับสาวกตลอดทุกสมัยเรื่อยมาตราบเท่าทุกวันนี้พระวิญญาณบริสุทธิ์สำแดงสิ่งที่เป็นของพระคริสต์ให้กับผู้เชื่อให้กำลังความสามารถให้ชีวิต และบุคคลิกลักษณะนิสัยใจคอ ของพระคริสต์แก่ผู้เชื่อเรายึดพระคริสต์ เป็นจุดศูนย์กลางแห่งความเชื่อและการรับใช้ของเรา แต่เรายึดพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นแหล่งกำลัง สติปัญญา และฤทธิ์เดชเพื่อความสำเร็จและการเกิดผลในการดำเนินชีวิตและการรับใช้

บทความโดย ศจ. มนูญศักดิ์ กมลมาตยากุล