พระคัมภีร์แนะนำให้เราสร้างความเชื่ออันมั่นคงโดยการเอาใจใจจ่อในสิ่งที่ดี สิ่งที่สร้างความเชื่อ (ฟป.4 : 8-9) “ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ในที่สุดนี้ขอจงใคร่ครวญถึงสิ่งที่จริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ทรงคุณ คือถ้ามีสิ่งใดที่ล้ำเลิศ สิ่งใดที่ควรแก่การสรรเสริญ ก็ขอจงใคร่ครวญดู” จงกระทำทุกสิ่งที่ท่านได้เรียนรู้ และรับไว้ ได้ยิน และได้เห็นในข้าพเจ้าแล้ว และพระเจ้าแห่งสันติสุขจะทรงสถิตย์อยู่กับท่าน
ความเชื่อของเรามั่นคงแค่ไหน ขึ้นอยู่กับเรายึดความเชื่อของเราอยู่บนอะไร ถ้าเรายึดความเชื่ออยู่บนความจริง เราก็มั่นคง ถ้าเรายึดความเชื่ออยู่บนความรู้สึก เราก็ล้มเหลว
การเปิดหูของเราออกรับฟัง การเปิดสมองออกใช้ความคิดก็เหมือนกัน ถ้าเราคิดในสิ่งที่ดีงาม ความเชื่อของเราก็ถูกต้อง แล้วอารมณ์ของเราก็จะดีด้วย เราจะเบิกบานใจ สดชื่นทีหลัง
1. ภาวนาข้อพระคัมภีร์
นอกเหนือจากที่ท่านอ่านเป็นประจำ เลือกข้อหรือบทสั้นๆ ที่เป็นพะรสัญญาข้อควรจำ บทเพลงสรรเสริญ วันละ 1 ข้อ หรือ 2 ข้อ เพื่อท่านจะสามารถใช้ภาวนาได้ตลอดวัน เช่น
(ฟิลิปปี 4: 4) ” จงชื่นชมยินในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกวเลา ข้าพเจ้าของย้ำอีกครั้งว่า จงชื่นชมยินดีเถิด ”
(ฟิลิปปี 4: 13 ) “ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า”
(สดุดี 27: 1 ) “พระเจ้าทรงเป็นความสว่าง และความรอดของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะกลัวผู้ใดเล่า พระเจ้าทรงเป็นที่กำบังเข้มแข็งแห่งชีวิตข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะต้องเกรงใคร”
ข้อความสั้น ๆ ในพะรคัมภีร์ที่หนุนใจและสร้างความเชื่อซึ่งเป็นยาชูกำลัง และให้ความสดชื่นแก่เรายิ่งกว่าสิ่งใด ๆ
2.อ่านชีวะประวัติของบุคคสำคัญ ,คริสเตียนที่เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ชีวิต
(ฮีบรู 11 :39 ) “คนเหล่านั้นทุกคนมีชื่อเสียงดี เพราะความเชื่อของเขา ในหนังสือฮีบรู 11 มีตัวอย่างชีวิตของคนที่เป็นตัวอย่างความเชื่ออันดีงามแก่เรามากมาย เช่น เอโนค ,อับราฮัม ,นงซาราน ,อิสอัค ,ยาโคบ , โยเซฟ ,โมเสส ,กิเดโอ ,แซมสัน ,ซามูเอล ,ดาวิด ,ดานิเอล นอกจากนั้นบุคคลในพระคัมภีร์ใหม่ยังมีบุคคลแห่งความเชื่อถืออีกมากมาย เช่น เปโตร ,เปาโล , บาระนาบัส ,ทิโมธี เป็นต้น
และคริสเตียนในอดีตที่มีความเชื่อดีดังกล่าว ทำให้เราได้เรียนรู้ บทเรียนที่คนเหล่านี้รับ เคล็ดลับในการติดตามพระเจ้าให้เขาลุกขึ้นเดินต่อไป
3. จดบันทึกคำเทศนา และนำมาทบทวน
กิจการ 17 :11 “ยิวชาวเมืองนั้น มีจิตใจสูงกว่าชาวเมืองเธซาโลนิกา ด้วยเขามีใจเลื่อมใสรับพระวจนะของพระเจ้า และค้นดูพระคัมภีร์ทุกวัน หวังจะได้รู้ข้อความจริงเหล่านั้น จะจริงดังกล่าวหรือไม่ “
มีภาษิตฝรั่งบทหนึ่งกล่าวว่า “ดินสอที่ทื่อที่สุดยังแหลมกว่ามันสมองของคน”
ท่านควรสร้างนิสัย จดบันทึกคำเทศนา เรียน ฟังและบันทึกไว้ด้วย การบันทึกไม่จำเป็นจะเป็นต้องบันทึกทุกคำพูด แต่บันทึกสิ่งที่สิ่งที่ท่านเข้าใจ เป็นภาษาของตนเอง และนำข้อที่ท่านจดบันทึกนั้นกลับมาทบทวน ถอดมันออกมาเป็นภาคปฎิบัติ การฟัง 10 เรื่อง แต่จำไม่ได้สักเรื่องยังสู้ฟังเรื่องเดียวแต่จดจำเรื่องนั้นได้ดี จะดีกว่าการจำได้ดี 10 เรื่อง แต่ไม่ปฎิบัติไม่ได้สักเรื่อง สู้จำได้เรื่องเดียว และปฎิบัติได้ดีกว่า
เพราะเรื่องนี้เองที่พระเยซูทรงเรียกว่า ผู้มีปัญญา คือ คนที่ได้ยิน และพฤติตาม เป็นคนที่มีความเชื่อมั่นคง (มธ. 7: 24)
หากท่านบันทึกแล้ว ก็จงนำไปปฎิบัติ
4.ใช้เวลาอยู่ใกล้ชิดบุคคลที่พระเจ้าใช้
พระเยซูทรงให้สาวกอยู่กับพระองค์ ( มาระโก 3: 14 )
เปาโลมี ทิโมธี อยู่ใกล้ชิดท่าน ( 2 ทิโมธี 3 :10-11)
ผู้เขียนฮีบรู แนะนำให้คริสเตียนดำเนินตามความเชื่อของผู้นำของเขา (ฮีบรู 13 :17 ) เป็นความจริงที่มนุษย์มีจุดอ่อนของตนเอง แต่ผู้นำที่มีความจริงใจ ยอมยินดีให้น้องฝ่ายวิญญารดูชีวิตของตนเหมือนเปาโล (1 โครินทร์ 11: 1 ) และน้องใหม่ฝ่ายวิญญาณที่ใฝ่ดีจริงใจย่อมเข้าใจ และเรียนรู้สิ่งที่ดีจากชีวิตผู้นำได้เสมอพวกธรรมจารย์ในสมัยพระเยซู เป็นผู้นำที่แย่ที่สุด แต่พระเยซูยังสอนให้สาวกเรียนสิ่งที่ดีจากธรรมมาจารย์ ( มัทธิว 23: 2-3 ) ในปัจจุบันคริสเตียนเรายังมีผู้นำที่มีความเชื่อมั่นคงและเป็นแบบอย่างอันดีแก่เรามากมาย
เปาโลกล่าวว่าท่านเป็นแบบอย่างให้ทิโมธีในเรื่อง
1. คำสอน
2.พฤติกรรม
3.ความมุ่งหมายในชีวิต
4.ความเชื่อ
5. ความอดทน
6. ความรัก
7.ความหนักแน่นมั่นคง
8.การถูกข่มเดหง
9. การทุกข์ยากลำบาก
เปาโลแนะนำให้ทิโมธี เป็นแบบอย่างแก่คริสเตียนในเมืองเอเฟซัส ในเรื่อง
1.วาจา
2.การประพฤติ
3.ความรัก
4.ความเชื่อ
5. ความบริสุทธิ์
ผู้ใกล้ชิดตัวท่านสามารถเป็นแบบอย่างแก่ท่านได้ในเรื่องต่าง ๆ มากน้อยตามประสบการณ์ที่เขาได้รับมา จงเรียนจากเขา