เมื่อขณะที่ได้ไคร่ครวญกับพระเจ้าอยู่ พระองค์ได้ให้ผมเข้าใจถึงการที่เรารู้จักบุคคลหนึ่งบุคคลใดจากคำพูดของคนอื่น เช่น มีคนมาบอกกับเราว่าคนนั้นเป็นแบบโน้นนะ แบบนี้นะ คนนั้นดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ คนนี้ทำผิดแบบโน้นทำไม่ดีแบบนี้ ทั้งๆที่เราเองไม่เคยรู้จักกับคนที่ถูกพูดถึงมาก่อนเลย หรือบางทีเรารู้จักเขาในมุมที่เรารู้ แต่พอฟังเรื่องที่บางคนพูดถึงเขากลับกลายเป็นคนละคนกับที่เรารู้จัก ต่างจากทัศนคติที่เคยมีต่อคนคนนั้น
พระเจ้าสอนผมว่า “อย่าได้รู้จักกันผ่านคำพูดเลย จงเรียนรู้จักกันด้วยความรัก” เราจะไม่คิดตามและสร้างภาพลักษณ์ของคนอื่นผ่านปากของอีกคนนึง เราจะไม่ตัดสินคนอื่นหรือคิดแง่ลบจากคำพูดของคน หรือชื่นชมคนนั้นจนเกินจริง จากคำเยินยอ จากคำยกย่องของคนอื่น แม้แต่ใจตัวเองที่ยกย่องจนคนนั้นกลายเป็นรูปเคารพ
ในพระธรรมเอเฟซัส บทที่ 5 ข้อ 6 กล่าวว่า “อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านด้วยคำที่ไม่มีสาระ เพราะการกระทำเหล่านั้นเอง พระเจ้าจึงทรงลงพระอาชญาแก่บุตรแห่งการไม่เชื่อฟัง”
มัธทิว 7:1-5 “อย่ากล่าวโทษเขา เพื่อท่านจะไม่ต้องถูกกล่าวโทษ เพราะว่าท่านทั้งหลายจะกล่าวโทษเขาอย่างไร ท่านจะต้องถูกกล่าวโทษอย่างนั้น และท่านจะตวงให้เขาด้วยทะนานอันใด ท่านจะได้รับตวงด้วยทะนานอันนั้น เหตุไฉนท่านมองดูผงที่อยู่ในตาพี่น้องของท่าน แต่ไม่ยอมพิจารณาไม้ทั้งท่อนที่อยู่ในตาของท่านเอง หรือเหตุไฉนท่านจะกล่าวแก่พี่น้องของท่านว่า ‘ให้เราเขี่ยผงออกจากตาของท่าน’ แต่ดูเถิด ไม้ทั้งท่อนก็อยู่ในตาของท่านเองท่านคนหน้าซื่อใจคด จงชักไม้ทั้งท่อนออกจากตาของท่านก่อน แล้วท่านจะเห็นได้ถนัด จึงจะเขี่ยผงออกจากตาพี่น้องของท่านได้”
เมื่อเราได้ยินเรื่องไม่ดีของคนอื่นจากปากของอีกคน หรือแม้แต่ในใจเราคิดถึงเรื่องที่คนอื่นทำผิดพลาด พระเจ้าสอนให้เราอย่าคิดไม่ดีกับเขา อย่าตัดสินเขา เพราะไม่เช่นนั้นเราเองจะไม่ชอบเขาโดยไม่รู้ตัว เราจะไม่อยากคบค้าสมาคม ไม่อยากคุยด้วย มองเขาในแง่ลบ แต่พระเจ้าไม่ต้องการให้เราเป็นแบบนั้น พระเจ้าให้เราสำรวจชีวิตของเราก่อน และถ้าเห็นสิ่งไม่ดีของคนอื่น ให้เราหยุดคิดเรื่องไม่ดีของเขา แต่ให้เราอธิษฐานเผื่อเขาด้วยความรักโดยทันที อย่าปล่อยให้ความคิดเราล่องลอยไปกับจินตนาการไม่ดี อย่าให้มารเข้ามาใส่ความคิด มาซ้ำเติมคนที่เรากำลังคิดถึงข้อบกพร่องของเขา คิดถึงสิ่งที่เขาทำไม่ดีที่ไม่น่ารัก เพราะมารกำลังยื่นมีดมาให้เราแทงคนนั้นทางความคิด และมันจะตกไปในใจของเรา และมันจะแสดงออกเป็นการกระทำ เช่น ไม่อยากมองหน้า ไม่อยากคุยด้วย คนนี้พูดอะไรมาแม้เป็นเรื่องดีเรื่องจริงก็ไม่อยากฟัง แต่ขอพระเจ้าชำระความคิดจิตใจจิตวิญญาณของเราใหม่ อย่าให้เป็นแบบนั้นเลย
ยากอบ5:9 “พี่น้องทั้งหลาย จงอย่าขุ่นเคืองใจต่อกัน เกรงว่าท่านจะถูกพิพากษา ดูเถิด องค์พระผู้พิพากษาทรงประทับยืนอยู่หน้าประตูแล้ว”
ฮีบรู13:1 “จงให้ความรักฉันพี่น้องมีอยู่ต่อกันเสมอไป”
เอเฟซัส 6:18 “จงอธิษฐานวิงวอนทุกอย่าง จงขอโดยพระวิญญาณทุกเวลาทั้งนี้จงระวังตัวด้วยความเพียรทุกอย่าง จงอธิษฐานเพื่อธรรมิกชนทุกคน”
โรม12:10 จงรักกันฉันพี่น้อง ส่วนการที่ให้เกียรติแก่กันและกันนั้น จงถือว่าผู้อื่นดีกว่าตัว
เพราะเจ้าบอกกับผมว่า เมื่อเราได้ยินเรื่องดีของคนอื่น ขอให้เราชื่นชมในหลักการดีของเขาในสิ่งที่ทำ อย่าหมั่นไส้เขา อย่ารุู้สึกอิจฉาที่คนอื่นดีกว่าตน เห็นใครทำดีสนับสนุนเขาชื่นชมในการดีของเขา แต่ระวังอย่าไปยึดติดที่ตัวบุคคลจนกลายเป็นรูปเคารพ(Idol) เพราะถ้าวันนึงเขาล้มลงในความบาป เราจะได้ไม่ผิดหวังหรือสะดุดตามในตัวเขา จนเป็นเหตุให้เราหลงทางไป เพราะพระเจ้าบอกว่ามนุษย์ทุกคนเป็นคนบาปและเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า ไม่แปลกที่เราเห็นบางคนที่เคยดีมากๆ แล้วอยู่มาวันนึงเขากลายเป็นอีกแบบที่เราเองเห็นแล้วแทบช็อค เพราะพระเจ้าพูดไว้ในพระคัมภีร์ชัดเจนว่าไม่มีทางใดเลยที่จะถึงความไพบูลย์ได้นอกจากทางของพระองค์คือพระเยซู เพราะว่าเราจะไม่หลงตัวเองเมื่อเราทำดี เราจะไม่อยากทำดีเพราะเราต้องการเป็นคนดี เราไม่อยากทำดีเพราะต้องการให้ใครมาชม เราไม่ต้องการให้ใครมายอมรับเรา แต่ความจริงคือเราสำนึกเสมอว่าเราเป็นคนบาปและอ่อนแอ ต้องการกำลังจากพระเจ้า ต้องการการดำเนินชีวิตแบบพระเยซู เราจึงทำดีเพราะเรารักพระองค์
โรม 3:23 เหตุว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากสง่าราศีของพระเจ้า แต่พระเจ้าทรงพระกรุณาให้เราเป็นผู้ชอบธรรม โดยไม่คิดมูลค่า โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เราให้พ้นบาปแล้ว
อฟ 2:8-9 “เพราะว่าท่านทั้งหลายได้รับความรอดโดยพระคุณผ่านทางความเชื่อ ความรอดนี้ไม่ได้มาจากตัวท่านเอง แต่เป็นของประทานจากพระเจ้า ไม่ใช่ความรอดโดยการประพฤติ เพื่อจะไม่มีใครอวดได้”
มัทธิว 19:30 แต่มีหลายคนที่เป็นคนต้น จะต้องกลับไปเป็นคนสุดท้าย และที่เป็นคนสุดท้ายจะกลับเป็นคนต้น
พระเจ้าบอกกับผมอีกว่า เวลาเราได้ยินคนชื่นชมในการดีของคนอื่น หากเขาคนนั้นเป็นผู้เชื่อในพระเจ้า จงขอบคุณพระเจ้าในชีวิตของเขา จงสรรเสริญพระเจ้าในชีวิตของเขา ไม่ใช่ตัวบุคคล และอธิษฐานปกป่องกันเสมอเพราะไม่รู้ว่าวันไหนเขาและเราจะล้มลงในความบาป ส่วนผู้ที่ยังไม่เชื่อก็เช่นกัน เมื่อเห็นเขาทำดีก็ชื่นชมในความดีที่เขาทำ และอธิษฐานเผื่อและเป็นพยานด้วยความรัก ที่วันนึงเขาเองจะได้รู้จักกับพระเจ้า และได้พบสันติสุขนิรันดร์ ได้พบกับความรักของพระองค์ ที่นั่นความดีไม่สามารถพาไปถึงได้ มีแต่ความเชื่อวางใจในพระเยซุเท่านั้นที่จะพาไปพบได้ พระเยซูตรัสในพระธรรมยอห์น 14:6 ว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา”
ข้าแต่พระเจ้าลูกเป็นคนบาปและต้องการพระองค์ ขอพระเจ้าช่วยลูก เมื่อลูกได้ฟังเรื่องราวที่ไม่ดีของคนอื่นหรือคิดเรื่องไม่ดีของคนอื่นลูกจะอธิษฐานเผื่อเขาด้วยความรัก ขอให้ลูกรักคนได้ทุกประเภทเหมือนอย่างที่พระเยซูทรงรักคนบาปอย่างลูก ขอให้ไม้ทั้งท่อนออกจากตาลูก ขอให้ลูกมองเห็นส่วนดีของทุกๆคน ด้วยความรักที่มาจากพระเจ้า ลูกปราถนาจะเป็นเช่นนั้น ขอให้ลูกชื่นชมและหนุนใจผู้ที่ทำดีแต่ลูกจะไม่มีรูปเคารพอื่นใด ลูกจะไม่ยึดติดที่ตัวบุคคล แต่จะขอบคุณพระเจ้า สำหรับพระเจ้าในชีวิตของเขา อธิษฐานวิงวอนพระองค์ ทูลขอในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
กาเบรียล วันที่ 20/07/2013