พระเจ้าทรงเป็นตรีเอกานุภาพคือ พระบิดา พระบุตร พระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ใช่เป็นองค์เดียวกัน หรือบุคคลเดียวกัน แต่ว่ามีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
พระบิดาพระเยซูและพระวิญญาณแยกกันอยู่อย่างเห็นได้ชัดในบางขณะ(ลก.3:21,22)
มีการระบุแยกกันอย่างชัดเจน ในการกล่าวอ้างถึง มธ.28:19
บทบาทที่แตกต่างกัน ยน.14:16 พระเยซูอธิษฐานทูลขอต่อพระบิดา พระบิดาประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้
การเข้าแทนที่ในบทบาทของพระเยซูโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ยน.16:7 พระบุตรไป – พระวิญญาณมา
พระบุตรประทับเบื้องขวาพระหัตถ์พระบิดารับพระวิญญาณบริสุทธิ์จากพระบิดา และประทาน ลงมาให้กับสาวกของพระองค์ (กจ.2:33)
พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงอยู่ใต้บัญชาของพระบิดาและพระบุตร
พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณเป็นพระเจ้า ความเป็นพระเจ้า 1 เท่านั้น และมีบริบูรณ์ใน พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์
แต่ในบทบาทแห่งการดำเนินกิจการต่างๆนั้น จะเรียงลำดับดังนี้

พระบิดา –>ใช้พระบุตรเข้ามาในโลก เพื่อไถ่บาปของมนุษย์พระบุตรเชื่อฟังพระบิดา ทำทุกสิ่งตามบัญชาของพระบิดา ไม่ได้ทำตามอำเภอใจตัวเอง (ยน.7:16-18 ; ยน.5:30)

เมื่อพระเยซูได้สั่งสอนและทำพระราชกิจสำเร็จแล้ว พระองค์ก็เสด็จขึ้นประทับเบื้องขวาพระหัตถ์พระบิดาและพระองค์ได้ประทาน พระวิญญาณบริสุทธิ์ ลงมาเป็นผู้ช่วยที่อยู่กับสาวก เพื่อให้พระราชกิจการตั้ง คริสตจักรได้ดำเนินต่อไป พระเยซูใช้ให้ พระวิญญาณบริสุทธิ์มาหาพวกสาวก(ยน.15:26;16:7) พระวิญญาณบริสุทธิ์ จะเป็นพยานถึงพระคริสต์ (ยน.15:26) จะไม่ตรัส โดยพลการแต่จะตรัสถึงสิ่งที่พระองค์ได้ยิน (ยน.16:13) พระวิญญาณบริสุทธิ์ จะถวายเกียรติแด่พระเยซู (ยน.16:14) และจะเอาสิ่งที่เป็นของพระเยซูคริสต์มาสำแดง (ยน.16:14)

การทำงานของพระบิดาพระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์จะสอดคล้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเสมอตลอดเวลาและตลอดไป ไม่มีการแตกแยก ไม่มีการแก่งแย่ง ไม่มีการขัดแย้งกัน พระบิดากับพระบุตรเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน พระบุตรกับพระวิญญาณเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์

การทรงสร้าง ปฐก.1:2;สดด.104:29,30 พระวิญญาณบริสุทธิ์มีส่วนร่วมในการทรงสร้างร่วมกับพระบิดาและพระบุตร(พระวาทะ) แต่พระคัมภีร์ไม่ได้พูดถึงบทบาทของพระวิญญาณบริสุทธิ์ มากนักในด้านการทรงสร้าง
ในมนุษย์ทั่วไป

ทรงเป็นพยานต่อมนุษย์ทั้งปวงเกี่ยวกับเรื่องพระเยซูคริสต์ ยน.15:26,27 กจ.5:30-32พระวิญญาณบริสุทธิ์สามารถทำงานภายในใจของมนุษย์เพื่อทำให้ตาใจของมนุษย์ผู้นั้นสว่าง มีความเข้าใจ และเกิดความเชื่อศรัทธาต่อองค์พระเยซูคริสต์ การเป็นพยานนำคนมาเชื่อพระคริสต์จึงต้องพึ่ง – พระวิญญาณบริสุทธิ์ อย่างมากทีเดียว การอธิษฐานเผื่อผู้ที่ไม่เชื่ออย่างจริงจังเป็นทางหนึ่งที่จะให้ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานในจิตใจของผู้เชื่อ กระตุ้นเร่งเร้าให้ยอมจำนนและเชื่อฟังในพระคริสต์ ส่วนมากพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำงานผ่านชีวิตของผู้เชื่อ (ชีวิต+คำพยาน) เพื่อให้คนอื่นๆ เกิดความเชื่อ ศรัทธา บางครั้งพระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานผ่านพระคำ (ใบปลิว,เอกสาร,รายการวิทยุ) บางครั้ง พระวิญญาณบริสุทธิ์ ทำงานโดยตรง (ผ่านทางนิมิต,ความฝัน)
ทำให้โลกรู้แจ้งถึงความผิดบาป ความชอบธรรม และการพิพากษา ยน.16:8-11 พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำให้ผู้ฟังคำเทศนาจากเปโตรในวันเพนเท็คศเต สำนึกในความบาป(กจ.2:36,37) ในขณะเดียวกัน พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เปิดตาใจของมนุษย์ให้เห็นความชอบธรรมที่แท้จริงของพระเจ้าว่า เป็นอย่างไรและเมื่อเห็นแล้วมนุษย์ก็จะเริ่มตระหนักถึงสภาพแท้จริงของตัวเองว่ามีมลทิน มีความบาป อีกมากมายที่ซ่อนเร้นอยู่ มนุษย์จะเริ่มเห็นว่าความดีของเขาก็คือผ้าขี้ริ้วนั่นเองใช้การไม่ได้ ห่างไกลจากมาตรฐานของพระเจ้า

พระวิญญาณบริสุทธิ์ ทำให้มนุษย์สะดุ้งกลัวต่อผลของบาป คือการพิพากษาอันเข้มงวดจาก พระเจ้า(กจ.24:25)ทำให้มนุษย์ได้ตระหนักว่าถ้าเขาปฎิเสธพระคริสต์สิ่งที่รอเขาอยู่เบื้องหน้า คือ บึงไฟ ความพินาศ นิรันดร์

พระวิญญาณบริสุทธิ์ ผลักดันในเรื่องความชอบธรรมให้คงอยู่ในสังคมของมนุษย์ โดยทำงานผ่าน มโนธรรมของมนุษย์เพื่อหน่วงเหนี่ยวอำนาจแห่งความบาปความชั่วร้ายไม่ให้ลุกใหม้อย่างรุนแรงเต็มที่(2 ธส.2:7)

บทความโดย ศจ. มนูญศักดิ์ กมลมาตยากุล