“ดิฉันป่วยเกี่ยวกับกรามมา 7 ปีเต็มๆ มันทรมานมาก ไปหาหมอ หมอก็บอกว่าขากรรไกรเสื่อม ใช้ไม่ได้แล้ว เนื่องจากตอนเด็กชอบขบเคี้ยวพวกของแข็งมาก เช่น กระดูกอ่อนและเมล็ดมะขามคั่ว จึงทำให้ขากรรไกรเสียไป หมอก็ให้ยามาทานเพื่อให้ทุเลาความปวดเท่านั้น ดิฉันทานยาก็ไม่หาย อาการดูหนักขึ้น อ้าปากไม่ได้เลย แม้แต่ดื่มน้ำก็ยังไม่ได้ รู้สึกท้อแท้ใจมาก คิดอยู่เสมอว่า เราทำงานไปทำไม …มีเงินก็ซื้ออะไรกินไม่ได้ หงุดหงิดมาก สงสารแต่ลูกเท่านั้น อยู่มาวันหนึ่งมีเพื่อนบ้านเป็นคริสเตียนได้มาเล่าเรื่องของพระเจ้าให้ฟัง ก็สนใจรับหนังสือมาอ่านก็จึงรู้ว่าพระเยซูทรงรักษาคนเจ็บป่วยให้หายคนตายให้ฟื้นได้ ก็ยอมรับเชื่อและไปโบสถ์กับเขา แต่ดิฉันก็ยังไม่ได้รับการรักษาจากพระเจ้า ยังเจ็บปวดอยู่ ดิฉันจึงอธิษฐานขอพระเจ้าที่จะพูดและอยากจะเล่าเรื่องของพระเจ้าให้คนอื่นได้รู้ เพื่อหวังจะเป็นการช่วยให้กรามที่เจ็บให้หายเร็วขึ้น แต่ยิ่งพูดก็ยิ่งเจ็บ

และแล้ววันหนึ่งก็มาถึง คือวันที่พระเจ้าได้ทรงเมตตาต่อดิฉัน เป็นวันที่ดิฉันได้ไปร่วมงานฤทธิ์เดช ที่ศูนย์เยาวชนไทย – ญี่ปุ่น ดินแดง มีด้วยกัน 4 คืน ดิฉันก็ไปทุกคืนและคืนสุดท้าย อ.จอห์น ออสติน ได้อธิษฐานรักษาโรค ดิฉันมีความเชื่อสูงมากว่าคืนนี้แหละพระเจ้าจะไม่ทอดทิ้งเรา ขอพระองค์อย่าผ่านเลยลูกไป พระองค์เจ้าข้า ขอเมตตาลูกเถิด มีคนมากมายเดินออกไปขอการรักษาจากพระเจ้า ดิฉันยืนอยู่ห่างจากคนอื่นแล้วอธิษฐานต่อพระเจ้าเบาๆ

อยู่ๆดิฉันก็ได้ยินเสียงอาจารย์พูดด้วยเสียงอันดังว่า ที่นี่มีคนหนึ่งที่เป็นโรคขากรรไกรถูกล็อค ให้ค่อยๆอ้าปาก และอ้าให้สุดเลย พระเจ้ากำลังรักษาท่าน ดิฉันตื่นเต้น รู้สึกเหมือนมีลมพัดซู่เข้ามาสู่ร่างกายแล้วซ่านไปทั้งตัว คางและกรามสั่นเหมือนกลองถูกตี ดิฉันร้องไห้ขอบพระคุณพระเจ้าด้วยเสียงอันดัง และอ้าปากได้สุดๆโดยไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆเลย

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ดิฉันและครอบครัวได้ถวายตัวให้กับพระเจ้า รักพระองค์มาก วันอาทิตย์จะไปโบสถ์ไม่ขาดเลย ก่อนหน้านั้นยังคิดค้าขายในวันอาทิตย์ เพราะขายได้ดีมาก จะมีรายได้เป็น 2 เท่าทีเดียว แต่เมื่อเราได้รับพระคุณและพระพรอย่างมหาศาลจากพระเจ้า เราก็เริ่มที่จะคืนให้กับพระองค์คือยอมเชื่อฟังและทำตามน้ำพระทัยของพระองค์ ทุกวันนี้ในครอบครัวเราอธิษฐานและขอบพระคุณพระเจ้าถึงพระสัญญาของพระองค์เสมอค่ะ

 

คุณถาวร ประภากรวิริยะ