ก่อนที่ผมจะเชื่อพระเจ้านั้น ผมเป็นคนอารมณ์ร้าย ชีวิตเหลวแหลก ไม่กลัวใคร จะมีเรื่องกับคนอื่นอยู่เสมอ ถ้าเขาไม่เจ็บก็เป็นผมเองที่เจ็บ ปืนจะอยู่กับตัวตลอด ผมดุจริงๆ มือขวาผมหนักด้วย สามารถตบให้คนที่ทำให้ผมไม่พอใจชักได้เลย วันๆก็พาพรรคพวกเที่ยวหาเรื่องกับคนอื่น สาเหตุก็เพราะเมาเหล้านั่นเอง การพนันก็เล่น เคยมีคนมาพูดเรื่องพระเจ้าเหมือนกันแต่ผมไม่ชอบ ด่าไล่เขาไป จากวันนั้นมาก็ไม่มีใครมาพูดอีก ชีวิตก็เป็นอยู่อย่างนี้จนตัวเองเบื่อ เซ็ง เพราะชีวิตไม่ดีขึ้นเลย นิสัยก็ไม่ดี ดุดัน เอาแต่ใจตัวเอง ใครบอก-ใครสอนไม่ได้ด้วย อยากจะเลิกก็เลิกไม่ได้ ก็มานั่งคิดดูว่า ชีวิตเราอยู่เพื่ออะไร?
จนมาวันหนึ่ง มีเพื่อนที่เป็นคริสเตียนคนหนึ่งมาเยี่ยมที่บ้านและเล่าเรื่องของพระเยซูให้ฟังทั้งๆที่เขาก็รู้ว่าผมไม่ชอบและถูกผมต่อว่าไล่เขา เขาก็ไม่โกรธหรือโต้ตอบอะไรเลย ยังกลับมาหาผมอีก เขาบอกว่าเพราะรักและเป็นห่วงผมจึงมาหา เขาให้หนังสือผมไว้อ่าน จากความคิดที่ว่า ชีวิตอยู่เพื่ออะไรนั่นแหละจึงทำให้ผมสนใจพระคำของพระเจ้า ใจผมเริ่มเปลี่ยน สมองเริ่มคิดใคร่ครวญ ความรู้สึกกลัวเกิดขึ้นเพราะข้อความในพระคัมภีร์นั้นคื กระจกเงาที่ส่องถึงชีวิตผม ที่ทำมาคือบาปทั้งนั้น ผมคิดถึงผู้ที่ผมทำกับเขา สักวันเขาคงจะมาเอาคืนก็ได้ ผมจะถูกยิงตายเมื่อไหร่ก็ได้
ในที่สุดผมก็ยอมสยบต่อพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง ผมสารภาพความจริงและต้อนรับพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิต ผมได้มอบชีวิตให้กับพระองค์ทรงนำและดูแล ผมเลิกหมดแล้วทุกอย่างที่ไม่ดี ชีวิตของผมเริ่มดีขึ้น ไม่เหลือความคิดเก่าๆไว้อีกเลย วันใดหากเพื่อนคู่กรณีจะมาเอาคืน ผมก็พร้อมจะเผชิญหน้าเหมือนกัน ไม่คิดจะสู้เขาหรอกแต่จะบอกเรื่องพระเยซูให้เขาฟัง พระเจ้าจะทรงช่วยผมเอง แต่ผมก็ไม่เจอใครเลย คิดว่าทุกคนคงรู้ว่าผมมาเชื่อพระเจ้าแล้ว จากนั้นมาผมก็ตัดสินใจเรียนพระคัมภีร์ในโรงเรียนสอนพระคัมภีร์ที่กรุงเทพฯ จนจบหลักสูตรแล้วกลับมารับใช้พระเจ้าที่จ.หนองคายนี่แหละ ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงช่วยเหลือผม ชีวิตของผมจึงได้รับการเปลี่ยนแปลง ทุกวันนี้ผมได้รับคำตอบที่ว่า ชีวิตที่มีอยู่นี้ ขออยู่เพื่อพระเจ้ากับการรับใช้ ทำให้ผมและครอบครัวมีความสุขมาก
อ. มานิต ภูสูงสุด