ชีวิตผู้เชื่อขาดพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้ พระวิญญาณบริสุทธิ์มีบทบาทสำคัญยิ่งในชีวิตผู้เชื่อทำให้ติดสนิทกับพระคริสต์
1. ทำให้มีชีวิตใหม่ฝ่ายวิญญาณ – เกิดใหม่ (ยน.3:5) เป็นการสร้างใหม่ เปลี่ยนใหม่ (ทต.3:5) เกิดจากพระเจ้าโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ยน.1:13) นอกเหนือการควบคุมของมนุษย์ทำให้มีชีวิต (อฟ.2:1)
2. ทำให้มีความมั่นใจในความรอด (รม.8:16) พระวิญญาณบริสุทธิ์ จะช่วยขยายความเข้าใจฝ่ายวิญญาณ ทำให้สามารถรับรู้และเข้าใจความจริงฝ่ายวิญญาณที่นอกเหนือจากการรับรู้ของประสาทสัมผัสทั้ง 5 การเปิดเผยนี้สำคัญมากสำหรับคริสเตียนใหม่ เป็นประสบการณ์ที่จะช่วยยืนยันให้ความเชื่อมากขึ้น
พระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นเหมือนตราประทับคือทำหน้าที่ในด้านการยืนยันความเป็นเจ้าของความมั่นใจ (2 คธ.1:22) แต่ความมั่นใจที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้เราใช้ชีวิตในความประมาทปล่อยชีวิตในความบาป อฟ.4:30 ความมั่นใจที่เกิดในส่วนลึกของจิตใจไม่ใช่เป็นอารมณ์ความรู้ลึกฉาบฉวยที่แปรเปลี่ยนอยู่เสมอความมั่นใจนี้เป็นสิ่งจำเป็นเป็นรากฐานแห่งความก้าวหน้าของชีวิตคริสเตียน
3. สถิตอยู่ในผู้เชื่อ ร่างกายผู้เชื่อเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ (1คร.6:19;3:16) เป็นการกำหนดที่แน่นอนว่าใครเป็นบุตรของพระเจ้า เป็นของพระคริสต์ (รม.8:9)
ประสบการณ์ส่วนใหญ่ในชีวิตคริสเตียนเป็นผลจากการสถิตอยู่ของพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่จากยุคพระบัญญัติสู่ยุคพระวิญญาณ จากพันธสัญญาเดิมสู่พันธสัญญาใหม่
การสถิตอยู่ภายในของ พระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นที่มาจากความชื่นชมยินดีและฤทธิ์อำนาจของผู้เชื่อ อ.เปาโลเตือนเสมอเรื่องสิทธิพิเศษที่คริสเตียนได้รับในเรื่องการสถิตอยู่ของ พระวิญญาณบริสุทธิ์
4. ชำระให้บริสุทธิ์ ไม่ใช่เป็นขบวนการขัดเกลาตัวเก่า (เนื้อหนัง) ของผู้เชื่อใหม่ดีขึ้น แต่เป็น การเปลี่ยนใหม่ด้วยชีวิตของพระคริสต์เข้าแทนที่พระวิญญาณบริสุทธิ์สำแดงความบาปภายในให้ประจักษ์ แล้วพระองค์ก็ปลูกฝังลักษณะที่ดีซึ่งเรียกว่าผลของพระวิญญาณ(กท.5:22,23) ขบวนการเช่นนี้เรียกว่าการชำระให้บริสุทธิ์ (ชีวิตเหมือนพระคริสต์) ( 1 ปต.1:2)
ขบวนการนี้เริ่มโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ช่วยคริสเตียนใหม่ในการขจัดเนื้อหนัง (กิจการของเนื้อ หนัง) (1 ปต.1:22) แล้วเติมช่องว่างภายในด้วยพระองค์เอง เพื่อผู้เชื่อจะได้รับกำลังในการดำเนินชีวิตที่ชอบธรรมในโลกที่เต็มด้วยความบาป (อฟ.3:16) พระวิญญาณบริสุทธิ์ทำให้ผู้เชื่อสามารถดำเนินชีวิตที่ครบบริบูรณ์ตามน้ำพระทัยพระเจ้า (กท.3:3) เคล็ดลับ คือ เราต้องยอมเชื่อฟังจำนนต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ใช่พยายามด้วยกำลังของตัวเองในการเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น ด้วยกฎบัญญัติภายนอก พระวิญญาณบริสุทธิ์ ช่วยเราให้พ้นจากกฎแห่งความบาปและความตาย เข้าไปอยู่ในกฎแห่งชีวิตใหม่ใน พระวิญญาณบริสุทธิ์ (รม.8:1,2)
งานด้านนี้ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้ยกเลิกความรับผิดชอบของคริสเตียน แต่เป็นช่องทางที่จะให้คริสเตียนได้รับการพัฒนาทางด้านจิตวิญญาณและด้านจริยธรรม พระเจ้าได้ทรงกำหนดขบวนการนี้ไว้แล้วสำหรับผู้เชื่อ ( 2 ธส. 2:13)
พระวิญญาณบริสุทธิ์ชำระทุกส่วนในชีวิตของผู้เชื่อ(1ธส.5:23) ชำระความคิดจิตใจของผู้เชื่อด้วยความจริงของพระเจ้า (ยน.17:17) สร้างใหม่ภายใน (2 คร.5:17)
ชีวิตที่บริสุทธิ์ในภาคปฏิบัติจริงๆ ของผู้เชื่อแต่ละคนจะไม่เท่ากันแต่ก็ควรจะพัฒนาดีขึ้นเรื่อยๆ ตลอด การดำเนินชีวิตในโลกนี้
แต่ในบางช่วงของประวัติศาสตร์คริสตจักรคริสเตียนได้พยายามสร้างความชอบธรรมและชีวิตที่บริสุทธิ์ขึ้นมาโดยอาศัยพิธีกรรมและกฎเกณฑ์พระบัญญัติมากมายซึ่งกลายเป็นภาระต้องแบกหนักเช่นพวกคาธอลิกในสมัยยุคมืด เพี้ยนจนขนาดขายใบล้างบาปเพื่อให้ได้ความบริสุทธิ์ การแสวงบุญ การทรมานตัวเองฯลฯที่ถูกต้องชีวิต คริสเตียนต้องบริสุทธิ์โดยพึ่งอาศัยการชำระให้บริสุทธิ์ที่มาจาก พระวิญญาณบริสุทธิ์
5. พระวิญญาณบริสุทธิ์ให้กำลังฝ่ายวิญญาณแก่ผู้เชื่อ (กจ.1:8) ขนาดของฤทธิ์อำนาจพระวิญญาณบริสุทธิ์ในชีวิตผู้เชื่อขึ้นอยู่กับขนาดของการยอมจำนนของบุคคลนั้นต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เราไม่ได้ใช้ฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ใช้ฤทธิ์เดชของพระองค์ผ่านเรา พระองค์ออกฤทธิ์ในเราได้เต็มขนาด เมื่อเราวางใจพระองค์และยอมให้กับพระองค์เต็มที่
6. พระวิญญาณบริสุทธิ์นำพาผู้เชื่อ ในการตัดสินใจในการแก้ปัญหา พระเจ้านำโดยพระวิญญาณ บริสุทธิ์ตามพระสัญญาพระองค์ สดด.32:8 พระวิญญาณนำผู้เชื่อให้เดินตามทางที่ถูกต้องไม่ให้ตกในทางของเนื้อหนัง (รม.8:14)
พระวิญญาณบริสุทธิ์นำโดยผ่านการดลใจทางพระคำ (ยน.14:26) พระองค์สามารถรู้และเปิดเผยสิ่งที่มาจากพระเจ้า(1คร.2:12) พระวิญญาณบริสุทธิ์สามารถปิดเผยรายละเอียดเฉพาะตัวที่ชัดเจนมากกว่าที่ ปรากฎในพระคำพระเจ้าซึ่งเป็นหลักการกว้างๆ เป็นการนำเฉพาะบุคคล เช่น ลก.4:1 กจ.8:39 ; ลก.2:27; กจ.16:6,7
ระวังอย่าสับสนปะปนกับความปรารถนาส่วนตัวหรือความคิดเห็นส่วนตัวของเราแต่ละคน บางครั้ง การเข้าใจหรือการอ้างว่าพระวิญญาณทรงนำแท้จริงก็คือ สิ่งที่มาจากจิตนาการความคิดของมนุษย์
7. ช่วยผู้เชื่อในการนมัสการและการอธิษฐาน ฟป.3:3 การนมัสการของผู้เชื่อสามารถให้พระวิญญาณบริสุทธิ์นำได้เมื่อให้โอกาสแก่ พระวิญญาณบริสุทธิ์พระองค์จะนำในขบวนการนมัสการเพื่อนำผู้เชื่อเข้าเฝ้ากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่การนมัสการในพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้ลบล้างหรือตัดเรื่องความเข้าใจส่วนตัวของบุคคลนั้นเกี่ยวกับการนมัสการ แต่เป็นการเสริมและขยายความเข้าใจใน การนมัสการมากยิ่งขึ้น (1คร.14:15) พระเยซูตรัสว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์จะให้เกียรติแก่พระองค์ (ยน.16:14) ดังนั้นในขบวนการนมัสการและอธิษฐาน ซึ่งเป็นการติดต่อสัมพันธ์กับพระเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงช่วยนำเพื่อให้เกิดการสรรเสริญและการถวายเกียรติอย่างแท้จริงแก่พระเจ้า
โดยเฉพาะด้านการอธิษฐานอฟ.6:18พระวิญญาณบริสุทธิ์ประทานสติปัญญาและกำลังในการอธิษฐาน รม.8:26 อธิษฐานภายใต้การนำของ พระวิญญาณบริสุทธิ์
8. พระวิญญาณทำให้การรับเป็นบุตรเป็นจริง (รม.8:15,16) ความรู้สึกผูกพันภายในส่วนลึกของ จิตใจที่มีต่อพระเจ้าเป็นสายสัมพันธ์ของพ่อ-ลูก ไม่ใช่ในแง่ของทฤษฎีเท่านั้น แต่ในความรู้สึกที่เป็นจริงด้วย
9. พระวิญญาณมีสามัคคีธรรมกับผู้เชื่อ (ฟป.2:1) (2คร.13:14) พระองค์เสนอมิตรภาพและความสัมพันธ์(สามัคคีธรรม)กับประชากรของพระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์กับคริสเตียนที่บังเกิดใหม่ได้แบ่งปันหลายสิ่งร่วมกันสิ่งหนึ่งที่ร่วมกัน คือความรักต่อพระบิดาและพระบุตร เมื่อเรามีสามัคคีธรรมกับพระวิญญาณบริสุทธิ์มากขึ้น เราก็จะถูกนำเข้าไปสู่ประสบการณ์ฝ่ายวิญญาณจิตที่ลึกซึ้งมากขึ้น
10. พระวิญญาณเจิม สมัย O.T. มีการเจิมเพื่อแต่งตั้งให้ทำหน้าที่พิเศษ เช่น ปุโรหิต, ผู้พยากรณ์,กษัตริย์ ในคริสตจักร พระวิญญาณบริสุทธิ์เจิมผู้เชื่อทุกคนเพื่อทำหน้าที่แต่ละอย่างแต่ละด้านตามที่พระวิญญาณทรงเห็นชอบการเจิมของพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นการรับรองคุณภาพและการร่วมรับใช้ของผู้เชื่อและเป็นการให้กำลังอำนาจความสามารถที่จะทำงานในหน้าที่รับผิดชอบให้เกิดผลดีและประสบสบความสำเร็จการเจิมของ พระวิญญาณบริสุทธิ์ คือการมอบพระองค์เองแก่ผู้เชื่อ
11. พระวิญญาณบริสุทธิ์สอนและเตือนให้ระลึก(ยน.14:26) การสอนของ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะทำให้เราได้รับสติปัญญาความเข้าใจที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาหรือการตัดสินใจที่ถูกต้อง พระองค์จะนำไปสู่ความจริงทั้งมวล(ยน.16:13) นำอย่างอ่อนโยนสุภาพไม่ใช่ผลักดันอย่างรุนแรง
เมื่อผู้เชื่อถูกไต่สวนเพราะความเชื่อในพระคริสต์ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะประทานถ้อยคำให้อย่างเหมาะสมในสถานการณ์นั้น มก.13:11
การสอนและการเตือนของ พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่จำเป็นว่าจะต้องอยู่ในขอบเขตของสติปัญญาและความสามารถของสมองในการคิดหาเหตุผลของมนุษย์หรือความสามารถในการจดจำของมนุษย์แต่ พระวิญญาณบริสุทธิ์จะประทานความเข้าใจฝ่ายวิญญาณให้(1 ยน.2:27) บางครั้งสติปัญญาของมนุษย์ (ของโลกนี้) ก็ไม่สามารถรับรู้ความเข้าใจเรื่องความจริงฝ่ายวิญญาณได้ ดังนั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์จึงต้องประทานความเข้าใจให้เพื่อมนุษย์จะสามารถรับรู้เรื่องฝ่ายวิญญาณได้ (1 คร.2:12)