เชื่อว่าเราทุกคนเมื่อทำงานมาถึงวัยกลางคนที่ยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเองคงจะมีความฝันที่อยากจะมีบ้านแสนรักสักหลังกันทุกคน ข้าพเจ้าอยากมีบ้านเป็นของตัวเอง ได้ใช้เวลาอธิษฐานขอพระเจ้าเรื่องบ้านก่อนตัดสินใจซื้อประมาณห้าปี ข้าพเจ้ามักจะหาเวลาไปเดินงานมหกรรมบ้านและคอนโดซึ่งจัดขึ้นทุกปี ข้าพเจ้านำสกิตเกอร์ติดเข้างานแต่ละปีมาติดไว้ที่หัวเตียงนอนข้าพเจ้าเพื่อจะอธิษฐานเผื่อเรื่องนี้ก่อนนอนทุกวันอยู่เสมอ
แรกเริ่มข้าพเจ้าเริ่มตั้งโจทย์เกี่ยวกับชีวิตของข้าพเจ้าเองพยายามตอบคำถามว่ามีพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตแบบไหน มีความชอบและความต้องการแบบไหนอย่างไรบ้าง และเริ่มทูลถามพระเจ้าว่าบ้านหลังแรกของข้าพเจ้าควรจะเป็นอย่างไร ข้าพเจ้าไปเยี่ยมเพื่อนที่อยู่บ้านเป็นหลังๆสวยงาม ไกลออกไปชาญเมือง (ขนาดของบริษัทที่มีชื่อ เช่น บ้านแลนด์ ยังราคาถูกกว่าคอนโดข้าพเจ้าเสียอีก) แต่ก็ต้องขับรถเป็นชั่วโมงๆมาทำงานทุกวันและเป็นภาระต้องหาคนเฝ้าเวลาไม่อยู่ อีกทั้งห้องแถวที่สมัยนี้เค้าเปลี่ยนโฉมเป็นโฮมทาวน์ เล่นระดับเสียจนคล้ายบ้านก็สวยงามดี แถมยังได้เป็นเจ้าของที่ดินด้วย แต่ข้าพเจ้าก็จะต้องกวาดถูบ้านสาม สี่ชั้นและเดินขึ้นเดินลงจนเวียนหัวถ้าลืมของ ส่วนคอนโดก็มีหลายระดับบางแห่งก็หรูหราเกินไปราวกับโรงแรมห้าดาวเสียมากกว่าจะเป็นบ้าน ข้าพเจ้าอยากได้คอนโดที่รู้สึกว่าอยู่บ้าน ไม่ต้องหรูหรามาก อยากใช้ชีวิตแบบธรรมดาที่พอเพียงแต่ปลอดภัยในชุมชนที่เป็นส่วนตัวและปลอดภัย ในที่สุดก็พบว่าคอนโดเล็กๆขนาดห้องนอนเดียวเหมาะที่สุดสำหรับชีวิตคนโสดอย่างข้าพเจ้าซึ่งเดินทางบ่อยจะได้ไม่ต้องเป็นภาระห่วงบ้าน
ข้าพเจ้าเป็นคนกรุงเทพฯที่บ้านอยู่เสียกลางเมือง (สุขุมวิท 15) และที่ทำงานก็อยู่ใจกลางเมืองอีกตาหาก (ที่อนุสาวรีย์ ชัย) ข้าพเจ้าแสนเบื่อกับการจราจรที่ติดขัดบนถนน ทำให้ข้าพเจ้าเครียดมากเมื่อเรียบจบกลับมาใหม่ๆเมื่อสิบปีที่แล้ว (คำพยานเรื่องเราพร้อมสำหรับพระพรมากมายเหลือคณานับหรือยัง) จึงอยากใช้รถไปไฟฟ้าในการเดินทางเพื่อประหยัดเวลาและสะดวกสบายไม่ต้องเบื่อหน่ายการและเครียดขับรถ ส่วนหนึ่งจากเหตุการณ์ไฟไหม้ที่ทำงานในช่วงปลายปี 2549 (คำพยานเรื่องช่วยด้วยไฟไหม้) ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกท้อแท้ เสียใจ เบื่อที่ทำงาน ไม่มีกระจิตกระใจในการทำงานมากนัก เลยอยากหาอะไรสักอย่างที่น่าสนใจเพื่อเบนความเศร้าเสียใจจากเรื่องนี้ และประกอบกับเหตุการณ์ทางบ้านที่คุณตาเสีย (คำพยานเรื่องทรัพยสมบัติในโลกล้วนไม่มีความหมาย) ทำให้ข้าพเจ้าต้องคิดหาคอนโดสักหลังอย่างจริงจังเสียทีในช่วงปลายปี 2549 เพื่อเป็นหลักประกันในอนาคตก่อนที่ข้าพเจ้าจะแก่เกินไปสำหรับเรื่องอย่างนี้
เริ่มแรกข้าพเจ้ามีงบประมาณน้อยและคิดเพียงจะซื้อคอนโดราคาไม่แพงงบประมาณประมาณล้านต้นๆ โดยมีความต้องการที่ขอกับพระเจ้า 10 ข้อ จะขอกล่าวเพียงสองข้อแรก คือ ให้อยู่แล้วเห็นพระสง่าราศีของพระเจ้าและรู้ว่าพระเจ้าอยูใก้ล (เพื่อข้าพเจ้าจะได้ระลึกถึงพระคุณของพระเจ้าเสมอว่าบ้านนี้พระเจ้าให้ ) ส่วนข้อที่สอง รู้สึกว่าอยู่ใกล้ธรรมชาติ อยากเห็นอะไรที่เขียวสบายๆตาจะทำให้สดชื่นมาก ก็ข้าพเจ้าเป็นคนโรแมนติกเอาการนี่นา บวกกับข้าพเจ้าเป็นคนที่เคยเจอแผ่นดินไหวมากก่อนสมัยเรียนหนังสือที่ประเทศญี่ปุ่น (คำพยานเรื่องความกลัวที่สุดในชีวิตของข้าพเจ้า) ดังนั้นจึงไม่ชอบอาคารสูง จึงเลือกสนใจเฉพาะคอนโดเตี้ยๆแปดชั้น (low rise) เท่านั้นเพราะอย่าน้อยข้าพเจ้าจะสามารถใช้สองข้าของข้าพเจ้านี่หล่ะวิ่งหนีแผ่นดินไหว หรือไฟไหม้ลงมาได้
ข้าพเจ้ามีพี่ชายเป็นหุ้นส่วนใหญ่ในบริษัทพลัส (บรัษัทลูกของแสนสิริ) ท่านก็ช่วยให้คำแนะนำและจัดหาเซลมาช่วยพาข้าพเจ้าดูคอนโดหลายที่ (เซลที่พาไปดูคอนโดบอกว่างบพี่มีแค่สี่-ห้าล้านแต่ spec พี่ 10 ข้อนี่เค้าต้องประชุมกันครึ่งวันเลยกว่าจะหาให้ได้ เพราะว่าจะหาที่ไหนกัน low rise ให้เห็นธรรมชาติ แต่เอากลางเมืองติดรถไฟฟ้า) ข้าพเจ้าชอบทำเลที่มีศักยภาพของคอนโดวันสยามเป็นที่สุด เพราะว่ามุมห้องที่ข้าพเจ้าจะซื้อที่ชั้นเจ็ดนั้นเป็นโลเคชั่นที่ดีที่สุดเห็นสวนบ้านจิมทองสัน คลองแสนแสบ นั่นคือมุมสงบใจกลางเมืองที่ข้าพเจ้าปรารถนา เพราะปกติคอนโดเตี้ยจะมีข้อจำกัดที่จะโดนตึกสูงล้อมบังวิวหมดกลายเป็นรายล้อมด้วยป่าคอนกรีต การซื้อของข้าพเจ้าจะต้องตัดสินใจภายในหนึ่งสัปดาห์ เพราะว่าเจ้าของเป็นคนในบริษัทที่ซื้อมาเพื่อเก็งกำไรล็อคไว้โดยไม่มีการเอาห้องนี้ออกมาขายในวันเปิดตัวและมีลูกค้ารออีก 4-5 รายที่ต้องการซื้อ แต่เค้าให้สิทธิข้าพเจ้าก่อนเพราะว่าพี่ชายข้าพเจ้าเป็นเจ้านายของเค้า ข้าพเจ้าชอบที่นี่มากเหลือเกินทั้งทำเลที่มีศักยภาพ (ราคาไม่ตกแน่ๆ) และสะดวกในการไปทำงานที่มหิดล ข้าพเจ้าสามารถขึ้นรถไฟฟ้าสถานีสนามกีฬาไปทำงานที่สถานีอนุสาวรีย์ได้โดยใช้เวลาบนรถเพียง 6 นาที เท่านั้น (บวกกับเดินประมาณ 15 นาที) อีกทั้งถ้าจำเป็นต้องขับรถก็เป็นเส้นทางหลบรถติด ในชั่วโมงเร่งด่วนข้าพเจ้าสามารถกลับถึงบ้านได้โดยใช้เวลาไม่เกิน 15-20 นาทีเท่านั้น ข้าพเจ้าวนเวียนไปแถวนั้นแทบทุกวัน วันละหลายเวลาเพื่อที่จะดูบรรยากาศทั่วไป เพื่อการตัดสินใจ คอนโดวันสยามตอบความต้องการที่ร้องขอพระเจ้าของข้าพเจ้าครบทั้ง 9 ข้อ แต่………………… ยังขาดข้อแรกเพียงข้อเดียวที่สำคัญที่สุด
ข้าพเจ้ายังไม่เห็นเลยว่าตรงนี้อยู่แล้วรู้สึกว่าใกล้พระเจ้า ข้าพเจ้าควรจะทำอย่างไรดี อยากได้เหลือเกินพระองค์เจ้าข้า ตอนข้าพเจ้าอธิษฐานว่าอยากได้ข้อนี้ข้าพเจ้าก็ไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วคืออะไรที่ชัดเจน แต่ใจอยากให้เป็นเช่นนั้นเพราะข้าพเจ้าจะรู้สึกถึงพระสิริของพระเจ้าและรวมถึงปลอดภัยว่าพระเจ้าอยู่ใก้ล คุ้มครอง คิดเพียงว่าคงอบอุ่นใจมากเลย ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นรอคอย ว่าพระเจ้าจะเซอร์ไพร์สว่าคืออะไรหนอ
เวลาที่กำหนดต้องตอบใกล้เข้ามามาก วันนึงข้าพเจ้าไปเดินอธิษฐานแถวนั้น พระเจ้าดลใจให้ข้าพเจ้าเดินขึ้นสะพานข้างคอนโดข้ามคลองแสนแสบทางที่มุ่งหน้าสู่ชุมชนบ้านครัว ข้าพเจ้าหันหน้าไปทางขวาเห็นตึกสำนักงานใหญ่สภาคริสตจักรและไม้กางเขนสง่างามนั้นข้าพเจ้าก็ต้องยืนร้องไห้ น้ำตาข้าพเจ้าไหลจนอาบแก้ม โอ…….พระองค์เจ้าข้า นี่เป็นบ้านที่พระองค์ทรงให้ใช่มั้ยพระองค์เจ้าข้า ข้าพเจ้าสัมผัสถึงการทรงสถิตของพระเจ้า ข้าพเจ้ามั่นใจแล้วตั้งแต่วินาทีนั้นว่าใช่ที่นี่แน่ที่พระจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้เป็นบ้านของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าพาคุณพ่อคุณแม่ คุณป้ามาดู ทุกคนก็ตามใจถ้าข้าพเจ้าชอบ แต่แรกๆที่บ้านก็กังวลที่ข้าพเจ้าจะต้องจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อต่อ (re-sale) บวกเพิ่มถึง 7 แสนบาทจากราคาเริ่มต้นโดยที่ยังไม่มีการก่อสร้างเลย คุณแม่และน้องอยากให้ซื้อคอนโดที่สร้างเสร็จแล้วมากกว่าจะได้ไม่ต้องมีความเสี่ยง และอยากให้อยู่แถวบ้านที่ย่านสุขุมวิท พี่น้องคงจะรู้ว่าการซื้อคอนโดในเมืองไทยส่วนมากจะเหมือนซื้อวิมานในอากาศ คือมีแต่โมเดล (ก็เค้าเอาเงินของท่านนั้นหล่ะที่ผ่อนดาวน์ ไปสร้าง) ข้าพเจ้าโดนทักท้วงจากน้องสาวจนสับสนก็เลยของเลื่อนการตัดสินใจไปอีกหนึ่งสัปดาห์ ข้าพเจ้าเป็นข้าราชการจนๆ ไม่ใช่นักลงทุน ไม่ได้มีเงินมากมายคงสามารถซื้อได้เพียงครั้งเดียวเพื่อเป็นบ้านถาวร ช่วงนั้นเป็นช่วงวันหยุดพักผ่อนที่ข้าพเจ้าพาคุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวงานพืชสวนโลกที่เชียงใหม่ ทำให้ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ใช้เวลาเวลากับพระเจ้ามากขึ้น พระเจ้าทรงให้ความมั่นใจและสันติสุขในใจให้ข้าพเจ้าอย่างเหลือล้น จนมั่นใจเต็มร้อยว่าใช่ที่คอนโดวันสยามนี้แน่ๆ
เมื่อกลับมาข้าพเจ้าเซ็นต์สัญญาซื้อต่อแล้วก็เริ่มผ่อนดาวน์คอนโดวันสยามอีก 13 งวด ระหว่างนั้นข้าพเจ้ามีความสุขมาก ทุกครั้งที่ไปดูความคืบหน้าการก่อสร้างหัวใจข้าพเจ้าจะพองโตเมื่อคิดถึงว่าอีกไม่นานจะได้มีบ้านเป็นของตนเองแม้ว่าจะเป็นเพียงห้องเล็กขนาดเพียง 50 ตร. ม. เท่านั้น (ข้าพเจ้าว่ากำลังดีนะ ไม่ใหญ่ ไม่เล็กเกินไป ค่าส่วนกลางก็ไม่ต้องจ่ายแพงมากไม่ต้องกวาดถูมาก) ข้าพเจ้าวนเวียนไปถ่ายรูปพัฒนาการการก่อสร้างทุกสัปดาห์ บางที่สัปดาห์ละ สองสามครั้ง ข้าพเจ้าไปจนเป็นเพื่อนกับน้องบริษัทที่ปรึกษาที่มาคุมงาน ซึ่งเค้าก็อธิบายขั้นตอนการก่อสร้างทุกอย่างให้เข้าใจ ได้เห็นความคืบหน้าการก่อสร้างทำให้ข้าพเจ้าสบายใจว่าสร้างแน่ ข้าพเจ้านั่งคุยกับแม่ค้าพ่อค้าแถวนั้นจนเป็นเพื่อนกันหมดและทราบข้อมูลคร่าวๆเกี่ยวกับซอยเกษมสันต์สามนี้พอควร กำหนดการก่อสร้างเสร็จปลายปี 2550 และโอนประมาณเดือนมกราคม 2551 แต่การก่อสร้างทำได้รวดเร็วกว่ากำหนด เกือบสองเดือน
เกิดเหตุการณ์พลิกผันคอนโดวันทั้ง 12 แห่งสร้างไม่ตรงตามแบบที่ขออนุญาตคือสร้างสูงเกินกำหนดมาตรฐานของคอนโดเตี้ยซื้อต้องไม่สูงเกิน 23 เมตรตามที่กฏหมายกำหนด และจากพื้นถึงเพดานแต่ละชั้นต้องไม่ต่ำกว่า 2.6 เมตร (ซึ่งจะสร้างได้เพียง 8.8 ชั้นเท่านั้น แต่ทางพลัสสร้างเป็น 9 ชั้น ซึ่งจะทำให้ได้ห้องเพิ่มอีกสองร้อยกว่าห้องจากโครงการทั้งหมด) การโอนไม่สามารถทำได้ ต้องรอทางกทม. เป็นช่วงเวลาที่ข้าพเจ้าช๊อคมากแบบรับไม่ได้จริงๆ ความวิกตกังวล เหนื่อยล้าอย่างแสนสาหัสปกคลุมชีวิตข้าพเจ้ายาวนานมาก เพราะว่าทางบริษัทไม่ได้บอกอะไรเลย กทม. ยุคใหม่ที่มีการเมืองรุนแรงส่งผลกระทบอย่างมากให้ผู้ประกอบการหลายบริษัทที่เคยลักไก่ทำผิดมาได้เสมอเกิดปัญหา พลัสเป็นบริษัทใหญ่และเส้นใหญ่(แสนสิริ) ซึ่งอีกหลายบริษัทจะต้องนำมาอ้างอิงได้แน่ถ้าผ่าน
ในที่สุดต้องทุบชั้นเก้าทิ้ง ซึ่งใช้เวลาประมาณ 6-7 เดือน กับการที่เราไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากรอ พระเจ้าได้สอนข้าพเจ้าหลายอย่างจากเหตุการณ์นี้ ตอน แรกข้าพเจ้าร้องไห้ และถามพระเจ้าว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้อย่างไร ข้าพเจ้าซื้อคอนโดใหม่ราคาแสนแพงแต่กลับมาต้องโดนทุบเสียหาย ทั้งโครงสร้างจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่มีใครตอบได้ในระยะยาว พระเจ้าทรงเมตตาและประทานความเข้าใจอันล้ำลึกให้ข้าพเจ้าให้ได้เข้าใจในเหตุการณ์นี้ ซึ่งหนทางนี้ดีกว่าที่จะใช้เงินเส้นให้กทม.แล้วเปิดตึกผ่านได้ แต่อาจจะต้องกลายเป็นตึกผิดกฏหมายและโดนฟ้องในอนาคต ข้าพเจ้าคิดว่าพลัสยอมทำในสิ่งที่ถูกต้องไปเลยเสียจะดีกว่าแม้จะล้าช้า
นอกจากพระเจ้าทรงประทานคอนโดที่ดีนี้ให้ข้าพเจ้า ทั้งๆที่ข้าพเจ้ามีเงินเพียงแค่ห้าแสนบาทตอนเริ่มซื้อที่นี่ ทุกอย่างเหมือนความฝัน ข้าพเจ้าอธิบายไม่ได้ว่ามีเงินมากมายเกินกำลังขนาดนี้เข้ามาได้อย่างไร อีกทั้งการได้รับความช่วยเหลือจากน้องสาว ได้ความกรุณาจาก คุณยาย คุณแม่หลั่งไหลเข้ามาโดยที่ทุกคนไม่อยากให้ข้าพเจ้าต้องเป็นหนี้ธนาคารที่จะต้องแบกรับภาระดอกเบี้ยท้วมหัว ขอบคุณพระเจ้าสำหรับครอบครัวที่น่ารักของข้าพเจ้า อีกทั้งรายได้จากงานพิเศษที่หลั่งไหลเข้ามาแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนทำให้ข้าพเจ้าเก็บหอมรอมริบได้เงินจำนวนมากในช่วงที่รอเกือบสองปีนั้น
สิ่งสำคัญที่อยากเป็นพยานเพิ่มเติมคือการซื้อคอนโดนี้ทำให้ข้าพเจ้าเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่เป็นผู้ใหญ่ทางการเงินมีเป้าหมายชัดเจนและ มีวินัยในการใช้เงิน มีความรับผิดชอบมากขึ้น เพราะ มีภาระมากขึ้น พระเจ้าทรงสอนให้ข้าพเจ้ารู้ค่าของเงินมากขึ้น ประสบการณ์ที่ยังไม่ถึงสิ้นเดือนแต่เงินเดือนในธนาคารหมดแล้วซึ่งเกิดมายังไม่เคยพบเจอทำให้ข้าพเจ้าต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวใหม่ครั้งใหญ่ เรียกว่าปฏิวัติปรับปรุงระบบการเงินส่วนตัว ซึ่งหมายถึงนิสัยส่วนตัวที่ไม่ดีที่ชอบชอปปิ้งซื้อของไร้สาระแต่สามารถเลี่ยงไปคิดว่าเป็นการให้รางวัลชีวิต เพราะว่าทำงานมาเหนื่อย และนิสัยการชอบผ่อนคลายความเครียดด้วยการซื้อของของข้าพเจ้านั้นต้องเลิกได้อย่างชะงัด
ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงให้ทั้งบ้านและความเป็นผู้ใหญ่ทางการเงินกับข้าพเจ้าพร้อมกันเพื่อที่ข้าพเจ้าจะได้ไม่มีปัญหาระยะยาวเมื่อแยกบ้านออกไปอยู่คนเดียว โอ………… พระเจ้าของเรานั้นช่างทรงเป็นพระเจ้าแห่งการจัดเตรียมอย่างแท้จริง ทรงสร้างข้าพเจ้าใหม่ ให้เข้มแข็งและกล้าหาญขึ้นในการที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตโดยย้ายออกจากบ้านคุณพ่อคุณแม่มาอยู่ด้วยตัวเอง การเตรียมความพร้อมในการออกไปใช้ชีวิตภายนอกด้วยตัวเองให้ข้าพเจ้านับเป็นประสบการที่ล้ำค่าในชีวิตข้าพเจ้า ฮาเลลูยา
ข้าพเจ้าโอนคอนโดวันสยามเรียบร้อยเมื่อต้นเดือนตุลาคมนี้ สองสามเดือนก่อนข้าพเจ้ายังไม่สามารถหาเงินมาให้เพียงพอกับจำนวนที่ต้องการโอนได้ แต่ข้าพเจ้ามิได้กังวลมากนักเพราะรู้ดีว่ามาถึงวันนี้แล้วพระเจ้าจูงมาตลอด ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้ว ขอบคุณพระเจ้าที่ถึงเวลาใก้ลโอนข้าพเจ้าก็สามารถผ่านมาได้ อัศจรรย์ที่ข้าพเจ้าได้เงินค่าปรับจากพลัสมาเป็นเงินก้อนนึงซึ่งหักออกไปณ. วันโอน และยังได้ลดภาษีค่าโอนจาก 1 % เหลือเพียง 0.01 % อีกด้วย คืนก่อนโอนข้าพเจ้าต้องร้องไห้เมื่อเห็นจำนวนเงินในสมุดธนาคารของข้าพเจ้า พระเจ้าทรงจัดเตรียมด้านการเงินให้ข้าพเจ้าอย่างพอดี ไม่ทรงให้ขาดไปแม้แต่บาทเดียว พระองค์ไม่เคยมาสายพระเจ้ายิ่งใหญ่และทุกสิ่งเป็นได้สำหรับองค์
วันขอบคุณพระเจ้านี้ ข้าพเจ้าอยากหนุนใจพี่น้องว่าขอให้ทูลขอกับพระเจ้าถึงปัญหาและความต้องการของท่านอย่างสัตย์ซื่อและจริงใจกับพระเจ้า ถึงแม้จะดูด้วยสายตาเราแล้วมันเหมือนจะมากเกินแม้กระทั่งความฝันและช่างเกินกำลังกาย กำลังสติปัญญาของเรา ขอให้เรากล้าที่จะอธิษฐานวิงวอนกับพระเจ้า ถึงสิ่งที่จำเป็นในชีวิตของเราอย่างอดทน สม่ำเสมอ เพราะพระเจ้าทรงรู้ว่าสิ่งใดจำเป็นและดีเลิศสำหรับลูกของพระองค์ ขอเพียงให้ท่านวางใจแล้วส่วนที่เหลือพระเจ้าจะทรงจัดเตรียมเพื่อท่าน อย่างดียอดเยี่ยมและแม้ท่านเองก็ไม่เคยคาดคิดฝันขนาดนั้นมาก่อน
ทุกวันนี้ข้าพเจ้าจะนั่งนมัสการพระเจ้าพร้อมกับเล่นเปียโน เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างข้าพเจ้าจะเห็นไม้กางเขนสง่างามนั้น ทั้งกลางวัน (มองผ่านสวนบ้านจิมก็สวย) และกลางคืน (กลางคืนยิ่งสวยเพราะเปิดไฟเด่น) ท่ามกลางธรรมชาติของสวนที่สวยงาม มองต้นก้ามปูต้นใหญ่อายุเป็นร้อยปีและคลองแสนแสบ พร้อมเสียงนกร้องยามเย็น บรรยากาศแบบนี้หาไม่ได้ง่ายนักในกลางกรุงเทพฯ ทุกเช้าข้าพเจ้าจะได้ยินเสียงนกร้องปลุกให้ตื่นข้าพเจ้ารู้สึกว่าพระเจ้าทรงให้บ้านใจกลางเมืองที่แสนสวยงาม เป็นคอนโดเล็กๆเพียง 128 ยูนิต ที่เป็น ชุมชนที่สงบและเป็นส่วนตัว กับกลุ่มเพื่อนบ้านที่ดี (private community) เป็นมุมสงบเงียบของเมืองที่แออัดนี้ ข้าพเจ้ากลับมาใช้ชีวิตเรียบง่าย นั่งรถไฟฟ้าไปทำงานไม่ต้องเหนื่อยกับการขับรถ ประหยัดทั้งเงิน ค่าน้ำมันและเวลา ออกจากปากซอยเพียง 300 เมตร ซ้ายก็มาบุญครอง ขวาก็โลตัสเจริญผลสะดวกมากเหมาะสำหรับชีวิตแบบข้าพเจ้าที่ทำอาหารก็ไม่เก่งและแถมยังไม่มีเวลาแต่อยากทานของอร่อยๆไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับชีวิตในร่มพระคุณในบ้านใก้ลชิดธรรมชาติ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ขอบคุณพระเจ้าสำหรับบ้านหลังแรกในชีวิตของข้าพเจ้า คิดว่าพี่น้องคงยังจำความรู้สึกที่เป็นเจ้าของบ้านหลังแรกได้และเข้าใจว่าข้าพเจ้ามีความสุขและความภูมิใจเช่นไร ข้าพเจ้าขอบคุณพระเจ้าเสมอสำหรับของขวัญล้ำค่านี้
ขอพระเจ้าอวยพระพรพี่น้องทุกท่านในวันขอบคุณพระเจ้าค่ะ
ดวงรัตน์ อินทร (องุ่น)
E-mail:[email protected]
16 ตุลาคม 2551
02.00 น.