วันนี้ CD CONCERT ” WORSHIP NIGHT # 4 ” เปิดตัวพร้อม ๆ กับ ‘ วันฟ้าใส ‘ เปิดห้องต้อนรับครอบครัวของคุณพิษณุ ไทรงาม ” หม่อง ” ที่เพื่อน ๆ รู้จักกันดี ด้วยอัธยาศัยไมตรีที่สุภาพ มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าเสมอ เงียบ ๆ และเป็นกันเองกับผู้คนอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ว่าบทเพลงหลาย ๆ บทเพลงของเขาจะเป็นที่ประทับใจพี่น้องคริสเตียนมากน้อยเพียงใดก็ตาม วันนี้ “หม่อง” ก็ยังเป็นคนเดิม
ในอดีต “หม่อง “ เติบโตมาจากครอบครัวที่มี “คุณพ่อแจ้ง ไทรงาม” นักไวโอลินซึ่งรักดนตรีอย่างเป็นชีวิตจิตใจ คุณพ่อเคยสอบได้ทุนอันดับที่ 1 ของเครือจักรภพอังกฤษ และได้เดินทางไปศึกษาด้านดนตรีอย่างจริง ๆ จังๆ ที่นั่น หลังจากกลับเมืองไทยได้สมรสกับคุณแม่ “ คุณจริยา ไทรงาม “ และมีลูก ๆ 3 คน คือ คุณแหม่ม ,หม่อง ,เหมียว ซึ่งทุกคนล้วนมีดนตรีในหัวใจ
คุณ “แหม่ม” พี่สาวคนโตผู้จดจำเพลงของน้องได้ทุกเพลงตั้งแต่เพลงแรก จนถึงปัจจุบัน ใครร้องเพลงของหม่องไม่ได้ ใครร้องเพี้ยน “แหม่ม “ จะเป็นคนที่แก้ไขให้เสมอ เพลงบางเพลงแม้ ”หม่อง” ลืมไปแล้ว แต่ “แหม่ม” จะจำได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน เธอเล่าถึงน้องชายว่า “ หม่องเป็นคนที่รักดนตรีมาตั้งแต่เด็ก ในสมัยแรก ๆ ที่หม่องเริ่มแต่งเพลงหม่องไม่มีพื้นฐานด้านดนตรี เมื่อพระเจ้าใส่ทำนองเพลงในใจ หม่องจะร้องแล้ว- ร้องอีกเป็น สิบ-ยี่สิบเที่ยว หรือมากกว่านั้นจนกว่าจะขึ้นใจ เพราะกลัวว่าจะลืม ต่อจากนั้นก็จะอธิษฐานขอเนื้อเพลงจากพระเจ้าจากพระคำของพระองค์ หลังจากนั้นก็จะมาร้องให้ “แหม่ม ” ฟังเพื่อช่วยกันจำ แหม่มทึ่งมากสำหรับความสามารถของน้อง แม้แต่ “ เหมียว “ เองที่มีทั้งความรู้ด้านดนตรีทั้งทฤษฎีและภาคปฎิบัติเพราะจบด้านดนตรีมาโดยเฉพาะ ก็ยังอดทึ่งไม่ได้สำหรับการทรงนำของพระเจ้าในด้านดนตรีแก่หม่อง
เพลงของ “ หม่อง “ ไม่ได้แต่งจากอารมณ์แบบศิลปินทั่วไป แหม่มเห็นชีวิตของน้องว่า เพลงต่างๆ ล้วนมาจากชีวิตจริงของเขา หม่องมีชีวิตกับพระเจ้าอย่างไร ก็จะกลั่นออกมาเป็นบทเพลงอย่างนั้น และยืนหยัดที่จะยึดเพลงนั้น ๆ เป็นหลักปฎิบัติในการดำเนินชีวิต
หม่องรักและผูกพันกับดนตรีมาก แม้แต่ช่วงเวลาเข้าห้องน้ำ กีต้าร์คือสิ่งที่หม่องจะเอาติดตัวเข้าไปเล่นด้วย โดยปกติแล้วดึกดื่นเที่ยงคืน กลับมาจากทำงานเหน็ดเหนื่อยขนาดไหน หม่องจะจับกีต้าร์และร้องเพลงพระเจ้านมัสการพระองค์ และพระเจ้าทรงประทานบทเพลงใหม่ ๆ ให้เสมอ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นช่วงดึก ๆ หรือหลังเที่ยงคืน
เมื่อไม่มีพื้นฐานด้านดนตรีมาก่อนเลย หลาย ๆ ท่านคงอยากทราบว่าจุดเริ่มต้นในเส้นทางดนตรีของ “หม่อง” เริ่มต้นอย่างไร
“หม่อง “ เล่าถึงจุดเริ่มในการรับใช้พระเจ้าด้านดนตรีว่า “เริ่มมาจากความรักในเสียงเพลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทเพลงคริสเตียน และมีความสุขที่ได้ฟังเพลงพระเจ้า ผมสนใจในรายละเอียดของเพลงทั้งเนื้อร้อง ทำนอง และการเรียบเรียงดนตรี
ผมเริ่มเส้นทางดนตรีด้วยการเล่นกีต้าร์ด้วยตนเอง เมื่ออายุ 18 ปี ซึ่งมี อจ. อานุภาพ ศบ. คริสตจักรเสรีภาพ ในปัจจุบัน เป็นผู้สอนเป็นครั้งคราวประมาณ 2 อาทิตย์ หลังจากนั้นก็หัดเล่น และศึกษาด้วยตนเอง โดยซื้อหนังสือการฝึกหัดเล่นกีต้าร์มาอ่าน ขอบคุณพระเจ้าสำหรับระยะเวลา 18 ปี ผมได้ครูสอนที่ดีที่สุด คือ “ องค์พระวิญญาณบริสุทธิ์ ” เป็นผู้สอนและ พัฒนาในการเล่นกีต้าร์ และสิ่งสำคัญกว่านั้นพระองค์ได้ให้ของประทานกับผมในการแต่งเพลง
โดยความเป็นจริงแล้วคนที่จะแต่งเพลงได้ดี จะต้องเรียนดนตรีมา ต้องมีความรู้ด้านทฤษฎีดนตรี และโน้ต แต่เป็นพระคุณพระเจ้าที่ทรงนำผมให้สามารถแต่งเพลงได้โดยไม่มีพื้นฐานด้านดนตรีเลย เพลงที่แต่งมาทั้งหมดมีทั้งภาษาไทย และอังกฤษ กว่าแปดสิบเพลงโดยประมาณ มีอยู่กว่า 60 เพลงที่ผมยังจำได้ ทั้งหมดนั้นพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงนำให้แต่งเพลง ในขณะที่ผมนมัสการเฝ้าเดี่ยว หรือ อยู่ในงานฟื้นฟู มีอยู่ครั้งหนึ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ปลุกผมตื่นขึ้นมาตอนตี 5 เพื่อแต่งเพลง “ไฟการฟื้นฟู ” ขณะที่อยู่ในค่ายแห่งหนึ่ง เพื่อให้ร้องในที่ประชุมในค่ายนั้น ทุกครั้งพระองค์จะให้ทำนองเพลงเข้ามาในจิตใจ หลายครั้งผมได้รับบทเพลงในขณะที่กำลังทนทุกข์ และบทเพลงเหล่านั้นก็เยียวยารักษาจิตใจผมเอง
ผมขอบคุณพระเจ้าเมื่อผมสัตย์ซื่อในการรับใช้ตามของประทาน โดยการรับใช้พระเจ้าในทีมนมัสการของคริสตจักรมาตลอด และเล่นกีต้าร์นมัสการเฝ้าเดี่ยวอยู่เสมอ พระองค์ก็เพิ่มพูนทักษะ ความสามารถในการเล่นกีต้าร์ และ แต่งเพลงให้ผม
หม่องแต่งงานกับ “เปิ้ล” คุณประณีต และมีลูกสาว 1 คน“น้องมิ้นท์” ซึ่งหม่องอธิษฐานกับพระเจ้าตั้งแต่อยู่ในท้องว่า ขอให้น้องมิ้นท์ รักเสียงเพลง ร้องเพลงเก่ง และมีหัวใจแห่งการนมัสการสรรเสริญพระเจ้า ก่อนหน้านี้เมื่อ “เปิ้ล” เริ่มตั้งครรภ์ได้ 2 เดือน สองสามีภรรยาได้พากันไปพบแพทย์เพื่อฝากครรภ์ แต่เมื่อหมอตรวจพบเนื้องอกในมดลูกก็รู้สึกแปลกใจมาก เนื่องจากในกรณีนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะตั้งครรภ์ จึงนับได้ว่าเป็นลูกที่พระเจ้าประทานให้จริงๆ
ในที่สุด “ น้องมิ้นท์ “ ก็ได้รับการผ่าตัดออกมาด้วยวัยเพียง 6 เดือนครึ่ง น้ำหนักตัว 1.3 ก ก. และต้องอยู่ในตู้อบตลอดจนกระทั่งครบกำหนด ในช่วงนั้นครอบครัวพบความทุกข์มาก ทุก ๆ เย็น สองสามีภรรยาจะไปเยี่ยมลูกทุกวัน และในช่วงนั้น บทเพลงที่กลั่นออกมาล้วนทุกข์ระทม แต่ก็เป็นบทเพลงที่นำการเล้าโลมใจมาด้วย
ปัจจุบัน “น้องมิ้นท์” เติบโตน่ารัก เป็นขวัญใจของทุก ๆ คนที่พบเห็น และ สิ่งที่คุณพ่อได้อธิษฐานเผื่อ พระองค์ได้ทรงตอบในชีวิตของน้องมิ้นท์อย่างครบถ้วน น้องมิ้นท์ได้มีส่วนในการขัดเกลาบางบทเพลงที่คุณพ่อแต่ง หรือบางเพลงที่คุณพ่อแต่งภาษาไทย น้องมิ้นท์ก็จะช่วยใส่เนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษแบบง่าย ๆ อีกด้วย ทุกวันนี้เราก็จะเห็น 2 พ่อลูกคลอเคลียนั่งร้องเพลง เล่นกีต้าร์ด้วยกันเป็นกิจวัตร
นอกจากนั้นในการประชุมฟื้นฟูในประเทศมาเลเซีย “ น้องมิ้นท์ “ ยังเป็นเด็กไทยคนเดียวในท่ามกลางฝูงชนนับพันที่ ” อ. ซินดี้ เจขอบ” ได้เผยพระวจนะว่า “ ในอนาคต น้องมิ้นท์จะเป็นผู้รับใช้ที่จะนำพระพรไปสู่ประชาชาติ”
สิ่งที่อยากขอบคุณพระเจ้า
ผมขอบคุณพระเจ้าที่บทเพลงที่พระเจ้าให้ผมเป็นพระพรกับพี่น้องในคริสตจักร ผมขอบคุณพระเจ้าสำหรับ CD พักสงบในพระเจ้า ซึ่งผมและทีมนมัสการที่ คจ.ใจสมาน รามคำแหง 68 ได้ทำออกมาเป็นอัมบั้มแรก และผมเชื่อว่าพระองค์จะทรงนำให้มีอัลบั้ม CD ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นพระพรกับพี่น้องคริสเตียน และผู้ที่ไม่เชื่อ
สิ่งที่อยากหนุนใจ
ผมอยากจะหนุนใจพี่น้องคริสเตียนทุกท่านว่า พระเจ้าได้ใส่ของประทานในการรับใช้ให้กับทุก ๆ คน แตกต่างกันออกไป ขอให้ท่านเพียงแต่สัตย์ซื่อในการใช้ของประทานนั้น เพื่อการปรนนิบัติรับใช้พระเจ้า ไม่ใช่เพื่อเกียรติของตนเอง แต่เพื่อถวายเกียรติทั้งสิ้นแด่พระองค์ พระองค์จะเพิ่มเติมให้กับท่านเกิดผลมากขึ้นในการรับใช้ แน่นอนว่าพระองค์จะเทพระพรอย่างมากมายมาสู่ชีวิตของท่าน ขอพระเจ้าอวยพรครับ