ตั้งแต่ข้าพเจ้าเรียนจบกลับมาทำงานที่มหิดล ข้าพเจ้าคลำเจอก้อนเนื้อเล็กๆที่บริเวณต่อมน้ำเหลืองที่คอด้านซ้าย ก้อนเนื้อก้อนน้อยนี้ก็มีขนาดใหญ่ขึ้นทีละเล็กละน้อยตามเวลาที่ล่วงเลยผ่านไปจนช่วงหลังๆมีขนาดใหญ่ขึ้นและยาว 2.5 เซนติเมตรและเริ่มรู้สึกเจ็บบ้างเป็นครั้งคราว
ข้าพเจ้ามีความวิตกกังวลที่ยาวนานเกี่ยวกับก้อนเนื้อนี้เพราะจะมีอาการเจ็บเป็นระยะ และยิ่งเป็นตำแหน่งของต่อมน้ำเหลืองยิ่งวิตกกังวลมากก็ยิ่งเจ็บมากเป็นลำดับ ความรู้ทางสมองที่ข้าพเจ้ามีที่ข้าพเจ้าสอนหนังสือเกี่ยวกับกลไกการเกิดโรคมะเร็งต่างๆนานายิ่งวนเวียนในหัวซ้ำเติมข้าพเจ้าให้กลัวจนขนลุกทุกครั้งที่นึกถึงเวลาเกิดอาการเจ็บ
ข้าพเจ้าต่อสู่อธิษฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้มายาวนาถึง 10 ปี แต่ก็วางใจในพระเจ้าว่าจะทรงดูแลไม่ให้เป็นโรคร้าย
จนวันหนึ่งรุ่นพี่พยาบาลที่สนิทกันได้สังเกตเห็นและแนะนำว่าน่าจะไปหาหมอตรวจดู พร้อมทั้งปลอบใจว่าคงไม่เป็นอะไรร้ายแรงหรอกเพราะถ้าข้าพเจ้าเป็นมะเร็งที่ต่อมน้ำเหลืองก็คงจะตายไปประมาณ 2-3 รอบแล้วกระมังเพราะเป็นมา 10 ปีแล้ว ว่าแล้วก็จัดการนัดหมอที่โรงพยาบาลรามาธิบดีให้เสร็จสรรพ พร้อมทั้งกำชับให้ไปตามนัดในเย็นวันนั้น ข้าพเจ้าเลยโดนบังคับให้ไปตรวจจนได้ วันแรกที่พบหมอก็โดนเจาะคอซึ่งเจ็บจนน้ำตาไหล (ก็หมอเล่นใช้เข็มฉีดยาเจาะที่บริเวณก้อนเนื้อกันสดๆเลยนี่นา) และก็นัดตรวจอุลตราซาวด์อีกด้วย ทุกท่านคงเข้าใจว่าสาเหตุใดคนขี้กลัวอย่างข้าพเจ้าไม่อยากไปตรวจไม่ชอบไปหาหมอ ก็เพราะมีแต่เรื่องเจ็บตัวทั้งนั้นนี่นา
ข้าพเจ้ายังจำวันที่ไปนั่งรอฟังผลได้ ว่าตื่นเต้นและกลัวจนจับใจมากขนาดไหน ข้าพเจ้ารู้สึกเข่าอ่อนจนแทบจะเดินเข้าไปพบคุณหมอไม่ไหว ผลการตรวจพบว่าก้อนเนื้อไม่ (น่าจะ) เป็นเนื้อร้าย และยังพบก้อนเล็กๆที่ต่อมไทรอยด์อีก 3-4 ก้อน ซึ่งคุณหมอได้บอกกับข้าพเจ้าหน้าตาเฉยว่า ว่าง ๆ ก็มาเอาก้อนเนื้อออก แล้วว่าง ๆ ก็มาดูดพวกก้อนเล็กนี่ออกด้วย (ข้าพเจ้า ช๊อค ก็พยายามเข้าใจว่าคุณหมอท่านคงจะชินกับการผ่าตัดอะไรที่ใหญ่ๆ เรื่องของข้าพเจ้าคงเป็นเรื่องเล็กมาก แต่ คุณหมอช่างพูดเหมือนกับ ว่างๆ ก็มาตัดผมเสียนะ ผมยาวแล้ว ยังไงยังงั้นเลย) ข้าพเจ้าบอกว่าขอเวลาทำใจสัก 3 เดือนได้มั้ย จนคุณหมอหัวเราะแล้วบอกว่าตามใจ ทำไมต้องทำใจนานขนาดนั้น ข้าพเจ้าเลยบอกความจริงว่าช่วงนั้นข้าพเจ้าต้องสอนหนังสือ และมีนักศึกษาปริญญาโทที่จะจบ ก็เลยขอเลื่อนไปเพื่อจะให้พวกเค้าสอบจบให้เรียบร้อยและปิดเทอมเสียก่อน
ฮาเลลูยา ขอบคุณพระเจ้าที่ไม่มีอะไรร้ายแรง ขอบคุณน้องสาวของข้าพเจ้าและ พี่น้องหลายท่านที่หนุนใจและอธิษฐานเผื่อข้าพเจ้าเสมอ พี่ ๆ บางท่านหนุนใจข้าพเจ้า ขอให้พระเจ้ารักษาให้หายโดยไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัดเลย แต่ข้าพเจ้าขอเพียงให้พระเจ้าคุ้มครองไม่ให้เป็นโรคร้ายแรง ถ้าเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่จะให้ข้าพเจ้าต้องเข้ารับการผ่าตัดข้าพเจ้าก็ขอบคุณพระเจ้า บางคนอาจจะมองว่าข้าพเจ้ามีความเชื่อน้อย หรืออธิษฐานแบบเกรงใจพระเจ้า ข้าพเจ้าไม่ขอแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพียงแต่ท่าทีในการอธิษฐานของข้าพเจ้ามักจะไม่มีข้อจำกัดหรือมีเงื่อนไขกับพระเจ้า ข้าพเจ้าบอกกับพระเจ้าว่าข้าพเจ้ากลัวที่จะเป็นโรคร้ายกลัวเหลือเกินที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัด ขอพระเจ้าทรงคุ้มครองดูแลในเรื่องนี้ ส่วนที่เหลือ แล้วแต่พระเมตตาซึ่งข้าพเจ้าคิดว่าน้ำพระทัยสำหรับแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน สำหรับข้าพเจ้านั้นการผ่าตัดเอาก้อนเนื้อออกก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะจะได้ไม่ต้องกลับมาวิตกกังวลในเรื่องนี้อีกต่อไปในวันข้างหน้า (ว่าจะกลายจากเนื้อดีเป็นเนื้อร้ายหรือไม่) ทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงอนุญาตให้เกิดล้วนเป็นเรื่องที่น่ายินดีและดีที่สุดสำหรับข้าพเจ้า ดังนั้นข้าพเจ้าจึงขอบพระคุณพระเจ้าในทุกกรณีได้อย่างเต็มหัวใจเสมอ
สองสัปดาห์ที่แล้วข้าพเจ้าเข้ารับการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว ข้าพเจ้าอธิษฐานของการทรงสถิตย์ของพระเจ้าทุกๆวินาทีของการผ่าตัดให้พระเจ้าทรงดูแลและร้องเพลงโปรดของข้าพเจ้าที่มักจะใช้เวลาหวาดกลัวจากพระธรรมอิสยาห์ ว่า “ อย่ากลัวเลย เราจะอยู่กับเจ้า อย่าขยาด…….เราจะชูเจ้าด้วยมือขวาอันมีชัยของเรา”
แต่ในความเป็นจริง ข้าพเจ้ายอมรับว่าใน ความเป็นมนุษย์ธรรมดาของข้าพเจ้าก็ยังกลัว ขอเล่าให้พี่น้องฟังสักหน่อยว่าการผ่าตัดเล็กที่เพียงแค่ฉีดยาชาและไม่ได้วางยาสลบนั้นถึงจะเล็กแต่ก็น่ากลัวมาก เพราะว่าข้าพเจ้ารู้สึกตัวดีทุกอย่าง เหมือนใครมาทำอะไรที่หูตลอดเวลา ยาชาก็จะมีฤทธิ์เพียงแค่ให้ไม่รู้สึกเจ็บแหลมๆ แบบมีดบาด แต่ลึกๆแล้วยังเจ็บลึกๆ อยู่มากเหมือนใครจะมาดึงอะไรออกจากร่างกายเรา แล้วร่างกายพยายามต่อต้าน ขัดขืน อีกทั้งจมูกข้าพเจ้ายังไวพอที่จะได้กลิ่นคาวเลือด เสียงเครื่องจี้ห้ามเลือดที่เส้นเลือดฝอยให้เลือดหยุดไหล ดัง “จิดๆ” ซึ่งจะตามมาพร้อมกับ กลิ่นไหม้ต่างๆทำให้ข้าพเจ้าจะเป็นลมทั้งที่นอนอยู่บนเตียงเสียให้ได้ ความรู้สึกของข้าพเจ้าคิดว่า 30 นาทีของการผ่าตัดช่างยาวนาน และแสนทรมานเสียเหลือเกิน
ถึงวันนี้แผลข้าพเจ้าหายดีแล้ว ผลการตรวจก้อนเนื้อก็ไม่มีปัญหา ขอบคุณพระเจ้าที่ข้าพเจ้าไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงและทรงรักษาก้อนเนื้อเล็กๆที่ต่อมไทรอยด์จากผลอุลตราซาวด์พบว่ามีขนาดเล็ดลงจนไม่ต้องดูดออก และที่อัศจรรย์คือจากผลการผ่าตัดก้อนเนื้อนั้นไม่ใช่ต่อมน้ำเหลืองแต่เป็นก้อนเนื้องอกที่หลอดเลือดที่เรียกว่า คาชีโอม่า (เข้าใจว่าชื่อเรียกประมาณนี้ อาจจะจำผิดได้) ซึ่งมักจะเป็นกันมากและอาการเจ็บนั้นเกิดจากมีเส้นเลือดและปลายประสาทอยู่บริเวณนั้นด้วย
อยากหนุนใจพี่น้องที่เจ็บป่วยไม่สบายให้ได้มีประสบการณ์ล้ำลึกในความเชื่อที่จะอธิษฐานวางใจในพระเจ้า ให้ท่านมีกำลังใจและกล้าที่จะเผชิญกับโรคภัยไข้เจ็บโดยไม่ย่อท้อในการขอการเยี่ยวยารักษาจากพระเจ้า แล้วการรักษาอย่างอัศจรรย์จะเกิดขึ้นในชีวิตท่าน เพราะพระเจ้าของเราเป็นผู้สร้างเราทุกคนมาและทรงเป็นหมอที่อัศจรรย์ ฮาเลลูยา
ดวงรัตน์ อินทร (องุ่น)
9 พฤษภาคม 2550
E-mail:[email protected]