การรับใช้ในพันธกิจที่ จีน ของอาจารย์ ชีววาริน เจริญบูลย์วิวัฒน์
หลังจากเรียนจบเทคนิคการแพทย์จากจุฬาฯ แล้วได้ทำงานเป็นหัวหน้าแผนกชันสูตรโรคที่ รพ.คริสเตียนมโนรมย์ ขณะทำงานได้ 2 ปี พระเจ้าทรงทำกิจในชีวิตอย่างมาก และได้เดินทางไปร่วมประชุมฟื้นฟูใหญที่เชียงใหมนักเทศน์ได้เรียกให้คนหนุ่มสาวถวายตัวไปรับใช้พระเจ้าในที่ใดก็พร้อมจะทำตาม ข้าพเจ้าก็เป็นหนึ่งในบรรดาคนที่ลุกขึ้นยืนด้วยน้ำตาและใจที่ยอมจำนน 2 ปีต่อมาก็ได้ไปเรียนพระคัมภีร์ที่สิงคโปร์ ซึ่งเน้นการปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมอื่นๆ และอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวใหญ่
รับใช้ช่วงแรก
หลังจากเรียนพระคัมภีร์แล้วเริ่มรับใช้กับกลุ่มคนไทยในสิงคโปร์ ต่อมาได้บุกเบิกตั้งกลุ่มใหม่ขึ้นสังกัด กับคริสตจักรที่ให้การสนับสนุนที่นั่น 3 ปีต่อมา กลับมารับใช้ที่สถาบันพระคริสต์เพื่อชาวไทย หลังจากนั้นก็หันมาแปลวรรณกรรมคริสเตียน และแปล PROJECT ให้มูลนิธิแห่งหนึ่งเป็นเวลารวม 2 ปี แต่สุดท้ายก็รู้ว่าการทรงเรียกของพระเจ้าไม่ใช่ตรงนั้น และพอดีมีโอกาสเดินทางไปคานาดา-อเมริกา 6 เดือน ใช้เวลาไปเที่ยวตามที่ต่างๆ ที่มีเพื่อนอยู่ และได้พบพี่น้องผิวขาวที่พยายามนำข่าวประเสริฐเข้าไปในจีน จึงคิดว่าพวกเขาเข้าไปที่จีนก็ยากกว่าเราที่เป็นลูกหลานจีนเป็นไหนๆ ทำไมเราจึงไม่คิดจะช่วยบ้าง นอกจากนี้ข้าพเจ้าก็มีเพื่อนหลายคนเป็นมิชชันนารี ข้าพเจ้าจึงกลับมาเขียนใบสมัครกับองค์กรโอ เอ็ม เอฟ เพื่อสมัครเป็นมิชชันนารีไปจีนเมื่อปี ค.ศ.1994
ขณะที่รอการพิจารณา ข้าพเจ้าก็เข้ามาทำงานที่ คจ.ใจสมานก่อน ทางองค์กรโอ เอ็ม เอฟ ใช้เวลานานมาก
ในการพิจารณา และสุดท้ายก็ตอบปฏิเสธข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงรับใช้ต่อไปใน คจ.ใจสมานโดยบุกเบิกเซลใหม่ๆ แถวสุขุมวิท พระโขนง-สมุทรปราการจนเกิดเขตสุขุมวิทในส่วนตะวันออก กลางปี 1998 ข้าพเจ้าลาออกไปเรียนต่อที่สิงคโปร์ 1 ปีที่สถาบันเดิมโดยได้ทุนการศึกษาที่นั่น และคิดว่าจบแล้วจะกลับมาทำงานที่เดิม แต่พระเจ้าไม่ทรงอนุญาต ทรงเปิดประตูให้ไปที่จีน ปลายเดือนสิงหาคมปี 2000 พระเจ้าทรงใช้สถานการณ์ และการทรงนำอย่างอัศจรรย์ ให้ข้าพเจ้าได้เดินทางเข้าไปที่คุนหมิง และที่นั่นเองพระองค์ทรงสำแดงพระองค์ให้ข้าพเจ้าได้สัมผัสกับความรักอันใหญ่หลวงที่ทรงมีต่อแผ่นดินอันกว้างใหญ่ ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ภาษาจีนเลย บางครั้งเมื่อเดินไปตามถนนใหญ่ซึ่งเต็มด้วย ผู้คนเหมือนน้ำไหล หรือบางครั้งนั่งนมัสการพระเจ้าเงียบๆ อยู่ในโบสถ์ที่มีเพียงออแกนตัวเดียว หรือขณะนั่งฟังเทศน์ด้วยใจ อยู่ๆ น้ำตาก็ไหลท่วมท้นอยู่ในใจจนหลั่งไหลออกมาทางตาดุจสายน้ำ รู้สึกหัวใจแทบจะแตกสลาย เป็นอย่างนี้อยู่หลายๆ ครั้ง ข้าพเจ้าจึงทูลถามพระเจ้าว่าพระองค์กำลังต้องการตรัสอะไรกับข้าพเจ้า เป็นไปได้ไหมที่ทรงกำลังบอกว่าเราได้เปิดทางให้เจ้าแล้ว จริงหรือที่คำพยากรณ์ก่อนหน้านั้น 2 ปีโดยอาจารย์ WILLIAM WUN ที่ว่าให้ข้าพเจ้าเตรียมตัวไปเป็นมิชชันนารีกำลังจะเป็นจริง แต่ข้าพเจ้าไม่ได้เตรียมอะไรมาเป็นพิเศษเลย
ช่วงนั้นข้าพเจ้าอ่านพระคัมภีร์ตอนที่พระเจ้าทรงเลี้ยงดูนกในอากาศบ่อยเป็นพิเศษ และตัดสินใจไปลงทะเบียนเรียนภาษาจีน ซึ่งจะต้องจ่ายค่าเล่าเรียนปีละ 60,000.-บาท ยังไม่ได้รวมค่าเช่าบ้านและอื่นๆ ต่อมาไม่นานนักก็ได้รับจดหมายที่ฝากมาจากเมืองไทยฉบับหนึ่งว่าจะให้ทุนเรียน และค่าอาหาร 1 ปี ข้าพเจ้าจึงถือว่าพระเจ้าทรงจัดเตรียมและเดินหน้าต่อจนอยู่เกือบ 2 ปีจึงเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้าน ทาง คจ.ใจสมานก็เริ่มมีส่วนสนับสนุนค่าใช้จ่ายประมาณ 1 ใน 4 มาจนถึงทุกวันนี้ ส่วนค่าใช้จ่ายที่เหลือมาจากพี่น้องที่รักพระเจ้า และเพื่อนที่สัตย์ซื่อในการถวายให้เป็นส่วนตัว ไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการถวายประจำปีจากพันธกิจของ คจ.มหาพรตรีมณฑลและกลุ่มคริสเตียนเสรีไทยบ้าง
รับใช้ที่คุนหมิง (ปี 2000-2003)
เมื่อเริ่มเรียนภาษาจีนกลางที่มหาวิทยาลัยยูนนานได้ไม่กี่เดือน ข้าพเจ้าก็ฝึกใช้ภาษาที่ได้เรียนมาประกาศข่าวประเสริฐส่วนตัว หญิงชราอายุ 73 ปีชื่อถ่างมามา ได้รับเชื่อเป็นคนแรก บุตรหลาน 3-4 คนของเธอก็ค่อยๆ มาเชื่อด้วย เวลานี้ยังเชื่ออยู่ และมีกลุ่มที่ยังดำเนินต่อมาอีกกลุ่มหนึ่งที่บ้านของเสี่ยวหลิว เพื่อนบ้านที่อยู่ตึกเดียวกับข้าพเจ้าทั้ง 2 กลุ่มนี้มีเพื่อนผู้รับใช้คนหนึ่งจากโอ เอ็ม เอฟ เข้ามาสานต่อ เพราะหลังจากข้าพเจ้าอยู่ที่คุนหมิงเกือบครบ 3 ปี พระเจ้าทรงนำให้ข้าพเจ้ารับบุตรบุญธรรมคนหนึ่งอย่างแปลกประหลาด จนข้าพเจ้าต้องยอมจำนน และเลือกที่จะเชื่อฟังพระเจ้า เมื่อพระเจ้าทรงส่งคนมาช่วยนำลูกออกมาได้แล้ว ข้าพเจ้าก็ต้องกลับมาอยู่ที่เมืองไทยประมาณ 1 ปีเศษเพื่อทำเรื่องเอกสารให้เรียบร้อย ขณะเดียวกันข้าพเจ้าค่อยๆ ปรับตัวกับการเป็นแม่ลูกอ่อน ซึ่งไม่เคยคิดจะทำเลย แท้จริงพระเจ้าทรงมีแผนการที่ดี แม้ในเวลานั้นมนุษย์จะไม่เข้าใจ
รับใช้ที่กวางเจา (ปี 2005-2011).
หลังจากเรื่องเอกสารของลูกเรียบร้อยแล้ว ข้าพเจ้าก็กลับเข้าไปที่จีนอีก พร้อมกับลูกอายุ 1 ขวบครึ่ง แต่เที่ยวนี้ดูเหมือนพระเจ้าทรงเปิดทางให้ไปที่กวางเจา เมื่อต้นเดือนมกราคม 2005 เราเข้าไปเช่าบ้านอยู่ในหมู่บ้านฉางป่าน 2 แห่งๆ ละ 2 ปี โดยข้าพเจ้าดูแลลูกไปและทำงานประกาศไปตามสายสัมพันธ์ มีคนเชื่อบ้างก็ติดตามเท่าที่ทำได้ พร้อมกับส่งเสริมให้ไปที่โบสถ์ของราชการจีน แต่ที่นั่นไม่มีการเสริมสร้างแบบถึงลูกถึงคน เป็นแบบประเพณีศาสนา ผู้เชื่อหลายคนยังยึดติดกับตัวอาคารที่ดูน่าเชื่อถือมากกว่าการประชุมในบ้าน จึงไม่ได้คนที่จะยอมมาประชุมที่บ้านอย่างสม่ำเสมอ และตำรวจก็คอยเพ่งเล็งอยู่ตลอดเวลาเพราะหมู่บ้านมีคนสารพัด เนื่องจากค่าเช่าบ้านค่อนข้างถูก และสภาพแวดล้อมไม่ค่อยดีนัก
ต้นปี 2009 พระเจ้าทรงนำให้รู้จักพี่น้องคริสเตียนที่พอจะมีใจร้อนรนที่เป็นสตรี 2 คน ซึ่งก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ข้าพเจ้าจึงชักชวนให้มาช่วยกันเปิดกลุ่มที่ร้านเสริมสวย ซึ่ง 1 ใน 2 คนนั้นเป็นเจ้าของร้าน แต่ไม่กี่ครั้งตำรวจก็มาสั่งเจ้าของร้านไม่ให้มีการประชุมในร้านอีก เราจึงย้ายไปจัดที่ร้านอาหารในตลาด ต่อมาข้าพเจ้าขอทำกลุ่มเป็นวันอาทิตย์เช้าเหมือนกับโบสถ์ทั่วไป พี่น้องสตรี 2 ท่านที่เคยมาช่วยก็เลือกที่จะอยู่คริสตจักรเดิมซึ่งอยู่ไกลออกไปมาก เราจึงแยกกันโดยปริยาย
กลางปีที่แล้ว (ก.ค.2010) ร้านอาหารไม่สะดวกที่จะให้เราใช้สถานที่อีกและพอดีตำรวจมาเชิญให้เราออกจากหมู่บ้านไปหาห้องพักในเขตเทศบาลเพราะเป็นนโยบายมาจากระดับบนไม่อนุญาตให้ผู้ที่มาจากประเทศอื่นพักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย ห้องพักในเขตเทศบาลปลอดภัยกว่า สภาพแวดล้อมก็ดีกว่า แต่ค่าเช่าแพงกว่าที่เดิม 3 เท่าเราจึงต้องย้ายออกจากหมู่บ้านมายังที่อยู่ปัจจุบันเมื่อต้นปีที่แล้ว และกลุ่มคริสเตียนที่ร้านอาหารก็ย้ายมาประชุมที่บ้านพักของเราตั้งแต่ ก.ค. 2010 จนถึงบัดนี้
เราได้ตั้งชื่อกลุ่มนี้ว่า “คริสตจักรพระศิลาฉางป่าน” มีสมาชิกที่รับบัพติศมาในอ่างน้ำที่ระเบียงบ้านของเราจำนวน 6 คน ผู้ที่มาร่วมประชุมโดยเฉลี่ยสัปดาห์ละ 12-14 คน และเนื่องจากสมาชิกโยกย้ายที่อยู่บ่อย ทำให้จำนวนผู้มาร่วมดูไม่เพิ่มขึ้น แต่ก็ทำให้ไม่เป็นที่เพ่งเล็งของเพื่อนบ้านมากเกินไปในขณะที่เรายังไม่มีสถานที่อื่น
ขออธิษฐานเผื่อ
1. การระดมสมาชิกให้มีภาระใจใน การนำวิญญาณ
2. เสริมสร้างผู้เชื่อให้เป็นสาวกที่สัตย์ซื่อและมีส่วนรับใช้ตามของประทาน
3. เตรียมผู้นำฝ่ายวิญญาณ
4. หนังสือเพลง, บทเรียน และวรรณกรรมภาษาจีนที่มีคุณค่าต่อการพัฒนาชีวิตให้เติบโต
5. ประสานงานกับคริสตจักรที่มีภาระใจเดียวกัน
6. การดูแลบุตรสาวของข้าพเจ้าที่ชื่อมินา ให้เป็นผู้ที่รักและยำเกรงพระเจ้า