สาส์นศบ. (5เมย.)
หนึ่งสัปดาห์ก่อนวันอีสเตอร์เป็นวันปาล์มซันเดย์ คือวันที่พระเยซูเสด็จบนหลังลูกลาจากภูเขามะกอกเทศเข้าไปในเยรูซาเล็ม ระหว่างทางประชาชนได้ปูเสื้อผ้าลงตามทางที่เสด็จและโบกใบต้นปาล์มต้อนรับพระองค์(มก.11:1-10) พวกเขาห้อมล้อมและส่งเสียงโห่ร้องว่า “โฮซันนา ขอให้ท่านผู้เสด็จมาในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเจริญ ความสุขสวัสดิมงคลจงมีแก่แผ่นดินของดาวิด บรรพบุรุษของเรา ที่จะมาตั้งอยู่ โฮซันนาในที่สูงสุด”(มก.11:9-10) ชื่อเสียงของพระเยซูเลื่องลือและเป็นที่ยอมรับในหมู่ประชาชน เพราะเมื่อสองสามวันก่อนพระองค์ได้เรียกลาซารัสให้เป็นขึ้นจากความตาย ทั้งๆที่ลาซารัสได้ตายไปสี่วันแล้ว และศพก็ถูกฝังในอุโมงค์แล้ว คนยิวมากมายได้เห็นการอัศจรรย์และบอกเล่าต่อๆกัน มีคนมากมายมาเยี่ยมบ้านของลาซารัสเพื่อให้เห็นกับตาว่าเป็นเรื่องจริง ความศรัทธาในพระเยซูจึงพุ่งสูงขึ้นมาก แต่เป็นกระแสสังคมเพียงชั่วคราวเท่านั้น เพราะอีกไม่กี่วันต่อมาพวกประชาชนเหล่านี้ก็ร้องให้ปีลาตตรึงพระเยซู(มก.15:13) ในช่วงเวลาสัปดาห์สุดท้ายพระเยซูสั่งสอนประชาชนทุกวันในพระวิหาร จนถึงประมาณสองวันก่อนปัสกา พระองค์ได้ซ่อนตัวจากฝูงชนเพื่อจะใช้เวลาอยู่กับเหล่าสาวก 12 คน(ยน.12:16) พวกสาวกไม่เข้าใจถึงความคิดและแผนการของพระเยซูคริสต์ ความนิยมศรัทธาในพระองค์ท่ามกลางประชาชนพุ่งสูงมาก ขณะเดียวกันการต่อต้านจากศัตรูก็เพิ่มฃึ้นเช่นกัน พวกเขารับรู้ถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับพระเยซูได้ทุกขณะ แต่ดูเหมือนพระองค์ไม่ได้แสดงอาการวิตกกังวลใดๆให้เห็น แต่สาวกที่ผิดหวังมากที่สุดคงเป็นยูดาสอิสคาริโอท เพราะเขาคิดว่าพระเยซูพลาดโอกาสที่จะใช้ความนิยมศรัทธาของประชาชนนำการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองการปกครองมาสู่ชนชาติอิสราเอล เขาจึงคิดตีจากและอาสาพวกปุโรหิตที่จะชี้ช่องให้จับพระเยซู โดยแลกกับเงินค่าจ้าง 30แผ่น อย่าลืมว่าพวกสาวกติดตามพระเยซูโดยหวังจะเป็นใหญ่ (มธ.20:20-21) แต่แผนการของพระเจ้าแตกต่างที่พวกเขาคิดอย่างมากทีเดียว ทุกวันนี้พวกเราที่เป็นสาวกของพระองค์ต้องเชื่อและวางใจในพระองค์ โดยพร้อมรับกับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ไม่เข้าใจ แม้ไม่ตรงกับที่คิดและคาดไว้ ก็จงวางใจจนถึงที่สุด