death-life

สาส์นศบ.(31กค.)

“ความตายความเป็นอยู่ที่อำนาจของลิ้น —“(สภษ.18:21) เมื่อเอลีชาผู้เผยพระวจนะได้กล่าวว่า”พรุ่งนี้ประมาณเวลานี้ ยอดแป้งถังหนึ่งเขาจะขายกันหนึ่งเชเขล และข้าวบาลีสองถังเชเขลที่ประตูเมืองสะมาเรีย” นายทหารคนสนิทของพระราชาอิสราเอลได้ยินดังนั้นก็ไม่เชื่อว่ามันจะเป็นไปได้เพราะขณะนั้นทหารซีเรียล้อมเมืองอยู่หลายเดือน ทำให้เกิดภาวะข้าวยากหมากแพงในสะมาเรีย เขาจึงพูดตอบโต้ว่า”ถ้าแม้พระเจ้าทรงสร้างทรงสร้างหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ สิ่งนี้จะเป็นไปได้หรือ” เขาไม่น่าพูดออกมา ถ้าเขาไม่เชื่อก็ควรเก็บไว้ในใจ แต่เพราะเขาพูดออกมาเอลีชาจึงกล่าวว่า”ท่านจะเห็นกับตาของท่านเอง แต่จะไม่ได้กิน”(2พกษ.7:1-2)

รุ่งขึ้นพระเจ้าทรงช่วยกู้อย่างอัศจรรย์ ทำให้มีอาหารมากมายที่ยึดจากค่ายของทหารซีเรีย ระหว่างที่ชาวเมืองกรูกันออกไปเพื่อไปเอาอาหารในค่ายที่อยู่นอกเมือง ได้เหยียบไปบนร่างของนายทหารคนนั้นจนถึงแก่ความตาย (2พกษ.7:16-17) ถ้าเขาไม่ปริปากพูดถ้อยคำที่ต่อต้านออกมาเขาคงไม่ตายดังนั้นวาจาที่เปล่งออกมาจากปากของเขานำเขาไปสู่ความตาย

ครั้งหนึ่งดาวิดยกกองกำลังเพื่อจะไปทำลายนาบาลเนื่องจากถูกนาบาลดูหมิ่นเหยียดหยามและปฏิเสธคำขอของดาวิด แต่ระหว่างทางนางอาบีกายิลภรรยาของนาบาลได้รีบมาพบดาวิด นางได้ขอร้องด้วยความถ่อมสุภาพอย่างยิ่ง ได้ขอโทษและวิงวอนให้ดาวิดเปลี่ยนใจในการคิดจะทำลายนาบาลและครัวเรือนทั้งหมดของนาบาล ด้วยท่าทีที่อ่อนสุภาพและคำพูดที่นอบน้อมของนางทำให้ดาวิดเปลี่ยนใจ นางจึงได้ช่วยให้สามีและครัวเรือนของนางให้รอดพ้นจากหายนะได้(1ซมอ.25:23-34)

จากสองเหตุการณ์นี้ทำให้เห็นว่าลิ้นมีอำนาจมากในการทำให้เจ้าของลิ้นพบกับความตาย หรือทำให้พ้นจากความตาย ดังนั้นพระคำพระเจ้าจึงเตือนให้ระมัดระวังในการใช้ลิ้นพูดจา เพราะคำพูดพล่อยๆที่พูดโดยไม่คิดอาจนำเราไปสู่ความตายได้”–จงให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ”(ยก.1:19)