“ความยำเกรงพระเจ้า เป็นที่เริ่มต้นของปัญญา–“(สภษ.9:10)
นั่นหมายความว่าถ้าขาดความยำเกรงพระเจ้าความอับปัญญาจะเกิดขึ้นในใจของมนุษย์ สังคมทุกวันนี้เต็มไปด้วยความสับสนในเรื่องมาตรฐานของจริยธรรมและคุณธรรม ไม่มีเส้นแบ่งที่ชัดเจนระหว่างความถูกและความผิด แต่ละกลุ่มคนกำหนดเอาเองว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง ต่างคนต่างทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดีและถูกต้อง โลกทุกวันนี้จึงยุ่งเหยิงสับสน ศีลธรรมเสื่อมลงเรื่อยๆตามกิเลสตัณหาและความโลภในใจของมนุษย์
เมื่อขาดความยำเกรงพระเจ้าในใจของมนุษย์ ใจมนุษย์จึงเป็นใหญ่เหนือกติกาและกฎเกณฑ์ที่พระเจ้ากำหนดไว้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับใจของมนุษย์เป็นผู้กำหนดว่าอะไรถูกและอะไรผิด อิทธิพลของความคิดแบบนี้ก็กำลังคืบคลานเข้ามาในชีวิตของคริสเตียน จำเป็นที่คริสเตียนต้องรักษาท่าทีแห่งความยำเกรงพระเจ้าในใจ เพื่อเป็นพลังที่จะต่อต้านความเสื่อมทางศีลธรรมที่กำลังแพร่ขยายตัวอย่างรวดเร็วในสังคม โดยเฉพาะในท่ามกลางคนรุ่นใหม่ มาตรฐานที่เสื่อมลงอย่างมากในยุคนี้คือเรื่องเพศ พระคำพระเจ้ากล่าวชัดเจนให้รักษาความบริสุทธิ์ทางเพศไว้จนกว่าจะถึงวันแต่งงาน (1ธส.4:3-8)
แต่มาตรฐานเรื่องนี้ถูกละเลยเพราะถือว่าเป็นเรื่องล้าสมัย มนุษย์ได้ปัดเรื่องนี้ทิ้งไป”เหตุฉะนั้นคนที่ปัดกฎนี้ทิ้งมิได้ปัดมนุษย์ทิ้งแต่ได้ปัดพระเจ้าทิ้ง–“(1ธส.4:8) แสดงว่าคนที่ปัดทิ้งมาตรฐานนี้ไม่มีความยำเกรงพระเจ้าอยู่ในใจ เขาเอาความพอใจของตนเป็นตัวกำหนด ยังมีอีกหลายเรื่องที่มนุษย์ได้ละเลยกฎเกณฑ์ที่พระเจ้าตั้งไว้ พระคำพระเจ้าเตือนผู้เชื่อว่า “อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ–“(รม.12:2) จงรักษาจิตใจที่ยำเกรงพระเจ้าไว้ให้ดีเพื่อท่านจะมีพลังต่อต้านความชั่วร้ายได้