“แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อผู้ที่นมัสการอย่างถูกต้องจะนมัสการพระบิดาด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้นนมัสการพระองค์”(ยน.4:23)
การเปิดเผยของพระเยซูทำให้รู้ว่าสถานที่ไม่ใช่เป็นจุดสำคัญในการนมัสการพระเจ้าอีกต่อไป เป็นยุคสมันใหม่ที่แตกต่างจากยุคพระบัญญัติที่กำหนดว่าสถานที่ในการนมัสการพระเจ้าต้องเป็นที่พระวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม แต่จากสมัยของพระเยซูเป็นต้นมา การนมัสการจะเป็นที่ใดก็ได้ เพราะพระเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณที่ประทับอยู่ในทุกที่ พระองค์ต้องการผู้ที่นมัสการพระองค์อย่างถูกต้อง ซึ่งไม่เน้นพิธีกรรมหรือการแสดงออกภายนอก แต่เน้นภายในจิตวิญญาณของผู้นั้นเป็นสำคัญ คือจิตวิญญาณที่ยำเกรงพระเจ้า ตระหนักถึงความยิ่งใหญ่และความประเสริฐล้ำเลิศแห่งพระสิริของพระองค์ และตอบสนองด้วยการสรรเสริญยกย่องพระองค์ จดจ่ออยู่ที่พระองค์เหมือนดั่งพระองค์อยู่ตรงหน้า นี่แหละคือการนมัสการที่ถูกต้องที่พระบิดาต้องการ
การนมัสการที่เน้นพิธีรีตอง เน้นการแสดงออกภายนอก แต่ปราศจากความจริงใจในการสรรเสริญยกย่องพระเจ้า เป็นการนมัสการที่ไม่ถูกต้องตามที่พระเยซูตรัส “ประชาชนนี้ให้เกียรติเราแตปากใจของเขาห่างไกลจากเรา เขานมัสการเราโดยหาประโยชน์มิได้–“(มธ.15:8-9) ดังนั้นการนมัสการที่ถูกต้องเท่านั้นที่จะเป็นที่ยอมรับของพระเจ้า และทำให้ผู้นมัสการได้รับการฟื้นฟูฝ่ายวิญญาณ ได้สัมผัสกับการสถิตอยู่แห่งพระสิริของพระองค์ และได้รับการเติมเต็มในจิตวิญญาณด้วยความยินดีที่มาจากพระเจ้า
ดังนั้นจงมุ่งที่จะนมัสการพระเจ้าอย่างถูกต้องคือ “นมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง”