“จิตใจก็เป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งใดทั้งหมด มันเสื่อมทรามอย่างร้ายทีเดียว ผู้ใดจะรู้จักใจนั้นเล่า”(ยรม.17:9)
เราสามารถถูกหลอกลวงด้วยใจของเราเอง ทำให้การวินิจฉัยตนเองคลาดเคลื่อนจากความจริงโดยไม่รู้ตัว มี2อย่างที่จะช่วยได้คือ
1.พระคำของพระเจ้า “เพราะว่าพระวจนะของพระเจ้านั้นไม่ตายและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ คมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ แทงทะลุกระทั่งจิตและวิญญาณ ตลอดข้อในกระดูกและไขในกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย”(ฮบ.4:12)
การอ่านและใคร่ครวญพระวจนะจะช่วยให้แยกแยะผิดชอบชั่วดีได้ โดยไม่ถูกจิตใจของตัวเองล่อลวง เมื่อยึดความจริงแห่งพระคำเป็นหลักในการตัดสินใจ ก็ทำให้การดำเนินชีวิตถูกต้องกับน้ำพระทัยพระเจ้ามากขึ้น
2.คำเตือนสติและการทักท้วงจากผู้อื่นที่รักและหวังดีต่อเรา คนเรามีแนวโน้มที่จะเข้าข้างตัวเองและมองไม่เห็นความผิดของตนเอง จำเป็นต้องมีคนอื่นบอกให้รู้ตัว แต่เพราะวัฒนธรรมไทยเน้นเรื่องการรักษาหน้า ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่อยากเตือน เพราะกลัวจะผิดใจกัน ต้องเป็นคนที่รักและหวังดีจริงๆจึงกล้าที่จะเตือน คนฉลาดก็จะรับฟัง และนำไปปรับปรุงแก้ไขตนเองให้ดีขึ้น
น่าเสียดายที่คริสเตียนบางคนไม่อ่านพระคัมภีร์ และไม่ฟังคำเตือน คำทักท้วงของผู้อื่น จึงมองไม่เห็นความบกพร่องของตนเอง คิดว่าตนเองพูดถูกทำถูกต้องดีแล้ว คนอื่นต่างหากที่ผิดและต้องแก้ไข อาการแบบนี้เรียกว่าหลงตัวเอง ทำให้ไม่มีการปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น ผลเสียจึงตกอยู่กับตนเอง