เมื่อ อ.เปาโลกล่าวถึงการเป็นผู้รับมอบฉันทะหรือเป็นผู้อารักขาสิ่งล้ำลึกของพระเจ้า (1คร.4:1) ท่านหมายถึงการรักษาและเผยแพร่ความจริงแห่งข่าวประเสริฐที่ท่านได้รับการสำแดงจากพระเจ้าเป็นความล้ำลึกที่ปิดบังไว้ยาวนาน อ.เปาโลได้กล่าวถึงการเปิดเผยนี้ “ซึ่งในสมัยก่อนพระองค์ไม่ได้ทรงโปรดสำแดงแก่มนุษย์ เหมือนอย่างบัดนี้ซึ่งทรงเผยแก่พวกอัครทูตผู้บริสุทธิ์ และผู้เผยพระวจนะโดยพระวิญญาณ นี่คือคนต่างชาติได้เป็นผู้รับมรดกร่วมกัน และเป็นอวัยวะของกายอันเดียวกัน และมีส่วนได้รับคำสัญญาในพระเยซูคริสต์โดยข่าวประเสริฐนั้น”(อฟ.3:5-6)
อ.เปาโลได้รับการแต่งตั้งจากพระเยซูคริสต์ให้เป็นอัครทูตนำข่าวประเสริฐไปยังคนต่างชาติ ท่านจึงได้รับการสำแดงว่าคนต่างชาติที่เชื่อในข่าวประเสริฐได้รับความชอบธรรมจากพระเจ้า และได้รับมรดกแห่งพระสัญญาเท่าเทียมกับชาวยิว โดยคนต่างชาติไม่ต้องเข้าสุหนัตและไม่ต้องถือพิธีกรรมและเทศกาลต่างๆตามธรรมบัญญัติ เรื่องนี้ทำให้อ.เปาโลถูกตามล่าเอาชีวิตจากชาวยิวที่เคร่งพระบัญญัติ และถูกต่อต้านจากสมาชิกคริสตจักรเยรูซาเล็มในกลุ่มที่เป็นฟาริสีที่มาเชื่อพระเยซู เพราะเขาถือว่าอ.เปาโลกำลังสอนผิด และลดมาตรฐานแห่งกฏระเบียบที่พระเจ้าให้ไว้ทางโมเสส พวกคนต่างชาติจะรอดได้ต้องเชื่อพระเยซูคริสต์ และต้องเข้าสุหนัต ต้องถือรักษาพระบัญญัติเหมือนพวกยิวด้วย จะเชื่อพระเยซูเท่านั้นและไม่ยอมถือรักษาพระบัญญัติไม่ได้
อ.เปาโลได้ยืนหยัดรักษาและเผยแพร่ความจริงแห่งข่าวประเสริฐในท่ามกลางคริสตจักรของคนต่างชาติโดยไม่หวั่นไหวต่อการถูกขู่คุกคามเอาชีวิต เขาเป็นอัครทูตที่สัตย์ซื่อในการเป็นผู้รับมอบฉันทะแห่งข่าวประเสริฐ ให้เราทุกคนได้ทำตามอย่างอ.เปาโลที่จะเผยแพร่ความจริงแห่งข่าวประเสริฐแก่คนทั้งปวง