“พระองค์เงยพระพักตร์ทรงเห็นคนมั่งมีทั้งหลายนำเงินมาใส่ในตู้เก็บเงินถวาย พระองค์ทรงเห็นหญิงม่ายคนหนึ่งเป็นคนจน นำเหรียญทองแดงสองอันมาใส่ด้วย พระองค์ตรัสว่า ‘เราบอกท่านทั้งหลายจริงๆว่า หญิงม่ายจนคนนี้ได้ใส่ไว้มากกว่าคนทั้งปวงนี้ เพราะว่าคนทั้งปวงนี้ได้เอาเงินเหลือใช้ของเขามาใส่ถวาย แต่ผู้หญิงนี้ขัดสนที่สุด ยังได้เอาที่มีอยู่สำหรับเลี้ยงชีพของตนมาใส่จนหมด”(ลก.21:1-4)
แทนที่พระเยซูจะกล่าวชมคนมั่งมีทั้งหลายที่นำเงินมาถวายด้วยจำนวนที่มากกว่าหญิงม่ายหลายเท่า พระองค์กลับกล่าวชมเชยหญิงม่ายที่ถวายเงินจำนวนเพียงเล็กน้อยมาก เหตุผลที่พระองค์กล่าวชมก็คือหญิงม่ายนำเงินสำหนับเลี้ยงชีพมาถวายจนหมด(100%ที่นางมีติดตัว) แต่คนมั่งมีนำเงินเหลือใช้มาถวาย ซึ่งอาจจะเป็นเพียง 1% ของเงินที่พวกเขามี หญิงม่ายได้แสดงออกถึงความรักและความศรัทธาในพระเจ้าอย่างสุดใจเพราะนางให้ทั้งหมดที่มี คุณค่าและความหมายของการถวายของนางจึงมีมากกว่าคนมั่งมีทั้งหลาย
จากเรื่องนี้จะเห็นว่ามุมมองของพระเยซูจะแตกต่างจากคนทั่วไป เพราะคนส่วนใหญ่จะสนใจที่จำนวนเงินในการถวายว่าใครให้มากกว่ากัน แต่พระเยซูมองว่าใครถวายด้วยสุดใจมากกว่ากัน มนุษย์มองภายนอก แต่พระเจ้ามองภายในจิตใจ
นี่เป็นหลักการมองของพระเจ้าที่พระองค์ตรัสกับซามูเอล “—– เพราะพระเจ้าทอดพระเนตรไม่เหมือนกับที่มนุษย์ดู มนุษย์ดูที่รูปร่างภายนอก แต่พระเจ้าทอดพระเนตรจิตใจ”(1ซมอ.16:7)
เมื่อท่านจะทำอะไรเพื่อพระเจ้า จงทำด้วยใจที่รักพระเจ้า แรงจูงใจของท่านสำคัญมากในสายพระเนตรพระเจ้า