ในชีวิตคริสเตียนจะต้องถือว่า “ตัวเองและผู้อื่นมีความสำคัญและมีศักดิ์ศรีเท่าๆกัน” มีนิทานเรื่องหนึ่งยกขึ้นมาเพื่อจะได้เห็นเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว (ถ้าเป็นนิทานส่วนมากจะเริ่มอย่างนี้เสมอครับ) ที่หุบเขาวิปโยค เป็นที่อยู่ของสัตว์ป่านานาชนิด ทุกตัวมีความรัก และอยู่กันอย่างสงบ ไม่มีเหตุผิดพ้องหมองใจอันใด ต่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ก็มีบ้างบางครั้งที่เกิดเหตุกระทบกระทั่ง แต่ก็สามารถตกลงกันด้วยสันติวิธี
หนทางที่ติดต่อกับโลกภายนอกนั้นค่อนข้างลำบาก เพราะเป็นทางแคบๆเลียบไปตามไหล่เขาเบื้องล่าง เป็นเหวลึก ถ้าเดินพลาดตกลงไป นั่นหมายถึงชีวิต เบื้องบนเป็นภูเขาสูงชัน ตรงกึ่งกลางของทางสายนี้เป็นคอคอดเล็กๆ เดินสวนกันไม่ได้เลย
วันหนึ่ง เผอิญมีลาสองตัวเดินมาพบกันตรงจุดนี้พอดี ทั้งสองคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดี จึงจะสวนกันได้
“แกต้องถอยหลังกลับไปก่อน” ลาตัวแรกพูดขึ้นเสียงเครียด
“ฉันเป็นฝ่ายเดินมาถึงที่นี่ก่อนแกนะ” ลาตัวที่สองตอบ “แกนั่นแหละต้องเป็นฝ่ายยอมถอย”
“อ๊ะ…พูดอย่างนี้ไม่โสภา ฉันมาอยู่หุบเขานี้ก่อนแกนะ สัตว์ทุกตัวรู้ดี ทุกตัวพร้อมที่จะอยู่ฝ่ายฉัน ถ้าไม่มีฉัน หุบเขานี้จะวุ่นวายและไปไม่รอด”
ลาตัวที่สองเริ่มอารมณ์บูด จึงตอบด้วยเสียงอันดังว่า “แกจะเอาอิทธิพลเข้ามาข่มขู่ คิดว่าฉันจะก้มหัวให้เหรอ…ไม่มีวันเสียล่ะ อยู่ก่อนหรือหหลังไม่สำคัญ”
“อ้าว ถ้าพูดอย่างนี้ก็ต้องเห็นดีกันสิ”
ว่าแล้วทั้งสองก็กระโจนเข้าหากัน ฟัดกันอุตลุด การต่อสู้ด้วยชั้นเชิงเป็นไปอย่างดุเดือด ชนิดใครดีใครอยู่ ชั่วครู่ต่อมาทั้งสองก็พลัดตกลงสู่เหวเบื้องล่าง และไม่มีใครได้เห็นลาสองตัวนี้อีกเลย

วันต่อมา เผอิญมีม้า 2 ตัวเดินมาพบกัน ตรงจุดคอคอดแห่งนี้พอดีอีกเหมือนกัน ทั้งสองคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรจึงจะสวนทางกันได้
“สวัสดีเพื่อน” ม้าตัวแรกเอ่ยปากทักอย่างมีเลศนัย
“สวัสดี” ม้าตัวที่สองตอบเสียงขรึม แต่ก็แสร้งยิ้มแจ่มใส “วันนี้อากาศดีนะ”
“อึม…ใช่…ใช่อากาศดีมาก แต่ฉันจะรีบไป ขอหลีกทางให้หน่อยได้ไหม?”
“ก็ได้” ม้าตัวที่สองตอบยิ้ม แต่กัดฟันกรอดๆด้วยความมาดร้าย มันคิดในใจว่า “เดี๋ยวเถอะมึง ทีของฉันบ้าง ฉันจะสอนให้แกรู้ฤทธิ์ฝีมือ แกกับฉันจะอยู่หุบเขาเดียวกันไม่ไได้”ม้าตัวที่สองเดินถอยหลังไปจนถึงที่กว้างเพื่อให้ม้าตัวที่หนึ่งเดินสวนไป
พอม้าตัวที่หนึ่งเดินคล้อยหลังไปนิดเดียวอย่างไม่น่าคาดฝัน ม้าตัวที่สองก็กระโดดเข้าชนกลางลำตัว ทำให้มันเสียหลักเซถลาพลัดตกเหวเบื้องล่างทันที ม้าตัวที่สองร้องด้วยเสียงอันดังสะใจที่มันสามารถกำจัดศัตรู บัดนี้มันเป็นผู้ชนะแล้วโดยไม่ต้องออกแรงมากเลย
ต่อมาอีกวันหนึ่ง เผอิญมีแกะสองตัวเดินมาพบกันตรงจุดคอคอดพอดีเหมือนดังนัดพบ ทั้งสองคิดไม่ออกว่า ทำอย่างไรจึงจะสวนทางกันได้ โดยที่อีกฝ่ายหนึ่งไม่ต้องถอยหลัง แกะทั้งสองได้ปรึกษากันอยู่เป็นเวลานานหลายนาที
ในที่สุด แกะตัวที่หนึ่งก็เอ่ยขึ้นว่า “เอาล่ะ…ในฐานะที่เรามีศักดิ์ศรีเท่ากัน การเป็นมิตรย่อมดีกว่าสร้างศัตรู เรามิได้อยู่เพื่อตัวเราเองแต่เราอยู่เพื่อผู้อื่นจะได้รับความสุข เราจะต้องเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ผู้อื่น…”
ใช่…แกะตัวที่สองรับคำ “ฉันได้ข่าวเรื่องลาและม้าเมื่อวันก่อนแล้วเศร้าใจเป็นที่สุดเลย เราจะต้องไม่เป็นอย่างนั้น”
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ เราทั้งสองไม่ต้องถอย ฉันจะนอนหมอบลงและให้แกเดินข้ามหลังฉันไป และเมื่อคราวหน้าเราพบกันอีก แกจะต้องเป็นฝ่ายหมอบลงแล้วฉันก็จะเดินข้าม…ดีไหม?”
“วิเศษเลย…ยุติธรรมที่สุด” แกะอีกตัวรับคำ

ทั้งสองสามารถข้ามหุบเขาวิปโยคด้วยความด้วยความสวัสดิภาพ

ข้อมูลจากฝ่าย ประชาสัมพันธ์ วันที่ 15/05/2004