ศิษยาภิบาลเรียนบทเรียนหนึ่งด้วยความรักจากชายแปลกหน้าผู้มาเยือนคริสตจักร วันหนึ่งศิยาภิบาลเดินผ่านคริสตจักรของเขาตอนเที่ยง จึงคิดว่าจะแวะดูสักนิดว่าจะมีใครมาอธิษฐานในคริสตจักรไหม ทันใดนั้นประตูหลังก็เปิดออกพร้อมกับชายคนหนึ่งเดินเข้ามาตามทางเดิน ศิษยาภิบาลหน้านิ่วถมึงทึงด้วยความไม่พอใจ ชายคนนี้ไม่ได้โกนหนวดเครา เสื้อเชิ๊ตออกจะเก่าซอมซ่อ เสื้อนอกก็ขาด และหลุดลุ่ย เขาคุกเข่าลงและก้มศีรษะ จากนั้นก็ลุกขึ้นและเดินจากไป

หลายวันต่อ ๆ มา ตอนเที่ยงหมอนี่ก็โผล่มาที่คริสตจักรอีกเป็นประจำ ในแต่ละครั้งเขาจะมาคุกเข่าอยู่ครู่หนึ่ง มีกล่องอาหารกลางวันบนหน้าตัก …แน่นอน…!!!.. ศิษยาภิบาลตั้งข้อระแวงว่า หมอนี่อาจจะเป็นหัวขโมยแน่ ๆ..!!! เขาตัดสินใจเข้าไปคุยกับชายคนนี้ “คุณมาทำอะไรที่นี่หรือ ?” ชายแก่จึงเล่าให้ฟังว่า เขาทำงานที่โรงงานที่ตั้งอยู่บนถนนสายนี้ มีเวลาพักเที่ยงครึ่งชั่วโมง และเวลาเที่ยงเป็นเวลาอธิษฐาน เพื่อเขาจะได้รับเรี่ยวแรงและฤทธิ์เดช “ผมอยู่ได้เพียงชั่วครู่ เพราะโรงงานอยู่ไกลมาก เมื่อผมคุกเข่าลง และพูดกับองค์พระผู้เป็นเจ้า ผมจะบอกอย่างนี้ว่า “องค์พระพระผู้เป็นเจ้า ผมเข้ามาอีกครั้ง เพื่อจะบอกพระองค์ว่า ผมทีความสุขมากแค่ไหนตั้งแต่วันที่เราได้รู้จักกัน และพระองค์ทรงยกโทษบาปของผม ผมอธิษฐานไม่ค่อยเก่งนัก แต่ผมคิดถึงพระองค์ทุกวัน ..พระเยซูผม..จิม …มารายงานตัววันนี้

ศิษยาภิบาลรู้สึกกระอักกระอ่วน จึงบอกจิมไปว่า เขาสามารถมาที่นี่ และอธิษฐานได้ทุกเวลา จิมส่งยิ้มให้และกล่าว “ขอบคุณ” พร้อมกับเร่งรีบไปที่ประตู ศิษยาภิบาลคุกเข่าตรงแท่นข้างหน้า อย่างที่เขาไม่เคยทำมาก่อน หัวใจที่เย็นชาของเขาหลอมละลายและอบอุ่นขึ้นด้วยความรัก…เขาได้พบพระเยซูที่นั่น ในขณะที่น้ำตาไหลพรากอยู่นั้น ภายในหัวใจของเขาได้อธิษฐานตามอย่างเฒ่าจิมที่กล่าว..”องค์พระผู้เป็นเจ้า ผมเข้ามาที่นี่อีกครั้ง เพื่อบอกพระองค์ว่า ผมมีความสุขแค่ไหน ตั้งแต่วันที่เราได้รูจักกัน และพระองค์ทรงยกโทษบาปของผม ผมอธิษฐานไปค่อยเก่งนัก แต่ผมคิดถึงพระองค์ทุกวัน พระเยซู ..นี่ผมเอง มารายงานตัววันนี้

บ่ายวันหนึ่ง ศิษยาภิบาลเริ่มสังเกตว่าจิมไม่ได้มาเหมือนเคย และเวลาผ่านไปอีกหลายวัน จิมไม่ได้มาปรากฎตัว เขาเริ่มรู้สึกวิตกกังวล

ที่โรงงาน ศิษยาภิบาลมาถามหาชายชราชื่อ จิม และได้ความว่าเขาป่วย คนที่โรงงานก็เป็นห่วงอาการของเจิมมาก …

แต่ที่โรงพยาบาล จิมทำให้ทุกคนประหลาดใจ เขาทำให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างถ้วนทั่ว รอยยิ้มของเขากับความปิติยินดีที่เป็นเหมือนโรคระบาด ผู้คนที่เปลี่ยนไป คือรางวัลของเขา หัวหน้าพยาบาลไม่อาจเข้าใจได้ว่า เหตุใดเขาจึงดีใจอยู่เสมอ ทั้ง ๆ ที่ไม่มีดอกไม้เยี่ยมไข้ ทั้งโทรศัพท์ หรือบัตรอวยพร ไม่มีใครสักคนมาเยี่ยมเขา ศิษยาภิบาลยืนอยู่ข้างเตียง ฟังเสียงของพยาบาลรำพันด้วยความเป็นห่วง โอ้..จิมไม่มีเพื่อนมาแสดงความห่วงใย ไม่มีใครที่เขาจะพึ่งพิงได้

แต่น่าแปลกที่เฒ่าจิม อธิบายขึ้นด้วยรอยยิ้มละไมของชัยชนะ ” คุณพยาบาลไม่เข้าใจ เธอไม่รู้หรอกว่าในครู่ใหญ่ ๆ ของทุกเที่ยงวัน พระองค์อยู่ที่นี่ เพื่อนรักของผม คุณเห็นไหมว่าพระองค์กำลังนั่งอยู่ พระองค์กุมมือผมไว้ โน้มเข้ามาใกล้ และบอกว่า” เราเข้ามาอีกครั้ง…จิม..เพื่อบอกเจ้าว่าเรามีความสุขมากแค่ไหนตั้งแต่วันที่เราได้รู้จักกัน และเราได้ยกโทษบาปของเจ้า เรารักที่จะฟังเจ้าอธิษฐานเสมอ และเราคิดถึงเจ้าทุกวัน
จิม…เรา คือเยซู มารายงานตัวในวันนี้

ผมได้อ่านเรื่องนี้จากอีเมล์ที่เพื่อนคนหนึ่งส่งมาให้ และเกิดอาการอย่างเดียวกับศิษยาภิบาลผู้นี้ ผมร้องไห้และอธิษฐานกับพระเยซูด้วยคำอธิษฐานของลุงจิม ชีวิตและการรับใช้ของผมช่างยิ่งใหญ่และซับซ้อนจนผมลืมไปว่า “ผมมีความสุขมากแค่ไหน ตั้งแต่วันที่ผมกับพระเยซูได้รู้จักกัน มิตรภาพของพระองค์เป็นสิ่งเดียวในชีวิตที่ให้ความสุขแท้กับผม และจะติดตามผมไปไม่ว่าผมจะทุกข์ยาก เจ็บป่วย หรือล้มเหลว ตั้งแต่ผมเริ่มเป็นคริสเตียนนั้น ผมได้ผ่านความเจ็บปวดใหญ่น้อยมานับไม่ถ้วน มีบางครั้งก็สาหัสจนผมแทบไม่เชื่อว่าจะผ่านมาได้

แต่มิตรภาพของพระองค์ทำให้ความทุกข์ยากผ่านไป ความทุกข์ทั้งหมดล้วนไม่จีรัง มันเทียบกันไม่ได้กับความสุขของการได้รู้จักพระเยซู ” องค์พระผู้เป็นเจ้า ผมเข้ามาหาพระองค์อีกครั้ง เพื่อจะบอกพระองค์ว่า ผมมีความสุขมากแค่ไหน ตั้งแต่วันที่เรารู้จักกัน และพระองค์ยกโทษบาปของผม ผมอธิษฐานไม่ค่อยเก่งนัก แต่ผมคิดถึงพระองค์ทุกวัน พระเยซู…ผมเองมารายงานตัวแล้ววันนี้ ”

ข้อมูลจากฝ่าย ประชาสัมพันธ์ วันที่ 22/09/2004