สำแดงชีวิตคริสเตียนที่ดีอย่างชัดเจนแก่บรรดาญาติของท่าน

เมื่อท่านแต่งงาน ท่านไม่ได้แต่งงานกับคนที่ท่านรักเท่านั้น แต่ท่านต้องมีความเกี่ยวพันกับญาติของสามีหรือภรรยาของท่านด้วย ซึ่งอาจเป็นการนำความยินดีหรือนำความขุ่นเคืองใจมาสู่ท่านได้ แต่ครอบครัวคริสเตียนควรมีหลักความสัมพันธ์อันดีงามกับญาติทั้งสองฝ่ายความสัมพันธ์โดยเฉพาะ

1. ญาติทางฝ่ายภรรยา ในบรรดาญาติทางนี้คนที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดคือ “แม่ยาย” หรือแม่ของภรรยานั่นเอง เพราะ ท่านอาจจู้จี้ ชอบก้าวก่าย ใช้อำนาจ โกรธง่าย พูดมาก ชอบบ่น ชอบสั่งการ แต่การจู้จี้ของท่านถ้าเป็นจริง ก็ควรจะคิดสักหน่อย ดังนั้น การยอมรับแม่ยาย เป็นเหมือนแม่อีกคนหนึ่ง ก็เป็นสิ่งที่สามีควรทำ ทั้งนี้ ต้องอาศัย ความเข้าใจกันเป็นหลัก เพื่อป้องกันปัญหาและเพื่อเป็นผลดี ต่อญาติคนอื่นๆในครอบครัวด้วย

2. ญาติทางฝ่ายสามี โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่ของสามี เมื่อท่านแต่งงานแล้วท่านควรย้ายความผูกพันไปอยู่กับภรรยา(ปฐก.2:24) ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า เราไม่รักพ่อแม่ แต่ทำตามพระคำของพระเจ้าและเพื่อให้ครอบครัวเป็นสุข โดยท่านยังคงรักและให้ความเคารพนับถือพ่อแม่อยู่เช่นเดิม ครอบครัวจะมั่นคงไม่ได้ หากมีพ่อแม่สามีอยู่ด้วยและใช้อำนาจควบคุมท่านและภรรยา สิ่งสำคัญก็คือ ต้องระวังปัญหาที่สามีอาจยึดความผูกพันอยู่กับพ่อแม่มากเกินไปจนลืมภรรยาของตนเอง

3. ญาติอื่นๆ เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย และ หลานๆ สามีภรรยาอาจต้องมีส่วนรับผิดชอบในการดูแลเลี้ยงดูบุคคลเหล่านี้ เพราะพระคัมภีร์ สอนให้เรารับผิดชอบอยู่แล้ว (1 ทธ.5:8) โดย มีทัศนคติว่า นี่เป็นโอกาสที่พระเจ้าทรงเตรียมท่านให้มีส่วนช่วยเหลือรับผิดชอบ ไม่ใช่หน้าที่อันขมขื่น และความสัมพันธ์กับบรรดาญาติๆเหล่านี้ จะต้องกระทำด้วยความรักและความเข้าใจอย่างเหมาะสม

คำแนะนำโดยทั่วไป

1. ความจงรักภักดีต่อบุคคลแรก สิ่งสำคัญที่สุด ที่ต้องจดจำไว้เสมอสำหรับสามีภรรยาในการสร้างความสัมพันธ์กับญาติทั้งหลาย ก็คือ ทั้งสามีและภรรยาต้องแสดงความจงรักภักดีต่อกันเป็นบุคคลแรกโดยให้ถือว่า สามีภรรยาเป็นบุคคลที่สำคัญอันดับแรก ไม่ใช่ญาติๆของตน(ปฐก.2:24)

2. แยกอยู่ต่างหาก แม้บางครั้งอาจมีข้อแม้บ้าง แต่กฎสำคัญก็คือว่า สามีและภรรยา ควรแยกออกมาอยู่ต่างหากจากญาติทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่อยู่ในบ้านเดียวกัน ญาติไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้องมากเกินไปเมื่อแยกออกไปแล้ว และสามีภรรยาก็ต้องระวังไม่แยกออกจนตัดสัมพันธ์กับญาติๆไปเลย

3. มองในแง่ดีเสมอ สามีภรรยาต้องมองญาติของตนในแง่ดีเสมอ ไม่ใช่คอยหาทางจับผิดเขา ความสัมพันธ์กับญาติจะต้องไม่มีความลำเอียงและต้องเสมอต้นเสมอปลาย ท่านต้องระลึกไว้ตั้งแต่ก่อนแต่งงานว่า ท่านทั้งสองจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับญาติของอีกฝ่ายหนึ่งบ้าง ท่านควรมีความคิดว่า การเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวใหญ่และมีการรวมตัวกันบ้างเป็นครั้งคราวก็จะเป็นผลดีด้วย

4. ระวังลิ้นของท่าน เป็นการไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะพูดคุยกับญาติของท่านถึงความบกพร่องของสามีภรรยาของตน แม้จะเป็นญาติที่ท่านรักเพียงใดก็ตาม และ เป็นความไม่ถูกต้องเช่นเดียวกันที่สามีภรรยาจะร่วมวิพากษ์วิจารณ์ความผิดพลาดของญาติคนใดคนหนึ่ง แต่ควรมีการปรึกษาหารือขอความเห็นบางอย่างในทางที่จะสร้างสรรค์ซึ่งกันและกันซึ่งจะเหมาะกว่า

5. อย่าอ้างอิง บางทีแม่สามีอาจเป็นแม่บ้านที่ทำอาหารเก่ง หรือบิดาของภรรยาอาจเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ควรเอ่ยอ้างชื่อคนเหล่านี้เสมอเพื่อจะยกเป็นตัวอย่าง หรือข่มอีกฝ่ายหนึ่ง โดยทางจิตวิทยาแล้วการทำเช่นนี้จะทำให้ฝ่ายที่ถูกกล่าวหาเกิดความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจและมีปมด้อย อันเป็นผลเสียและอับอาย ซึ่งอาจจะนำรอยร้าวมาสู่ครอบครัวของตนได้ในภายหลัง

6. มีการตกลงอะไรร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจร่วมกัน หรือการช่วยเหลืออะไรบางอย่าง ทั้งสามีและภรรยาจะต้องปรึกษากันและตกลงเห็นชอบด้วยกัน บางครั้งจำเป็นต้องเขียนไว้เป็นหลักฐานว่าสามีภรรยามีการตกลงอะไรกันไว้บ้าง ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเข้าใจและสบายใจกับญาติทั้งสองฝ่าย

7. พยายามเข้าใจญาติของท่าน ไม่ว่าจะเป็นญาติของสามีหรือภรรยา เขาต้องการความเข้าใจจากท่าน ถ้าท่านสนใจญาติของท่าน เข้าใจญาติของท่าน ผลที่ตามมา เขาก็จะเข้าใจและสนใจท่านด้วย เช่น ลูกเขยสนใจและสนับสนุนงานอดิเรกของพ่อตา ในวันข้างหน้า พ่อตาก็อาจเกิดความเห็นอกเห็นใจในงานอดิเรกและในอาชีพของลูกเขยก็ได้

8. จงสำแดงความเป็นคริสเตียน ในการสร้างความสัมพันธ์กับญาติทั้งหลาย จำเป็นที่ท่านต้องเป็นคนเห็นอกเห็นใจเขาเหล่านั้น มีชีวิตที่อ่อนสุภาพ มีใจโอบอ้อมอารี มีน้ำใจกว้างขวาง ช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ พูดง่ายๆก็คือ สำแดงชีวิตคริสเตียนที่ดีอย่างชัดเจนแก่บรรดาญาติของท่าน นั่นเอง

 บทความโดย อ. เสาวลักษณ์ อิทธิเวชช์11/04/2006