หลายปีก่อน ผมประสบกับความผิดปกติครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต มันเป็นปัญหาเกี่ยวกับจิตใจ และการมีวินัย เช่น การตื่นนอนแต่เช้า การเฝ้าเดี่ยว การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ผมกลายเป็นคนมีความรู้สึกเฉื่อยชาและมีนิสัยผลัดวันประกันพรุ่ง ซึ่งทำให้ชีวิตของผมเปลี่ยนแปลงไป

ศิษยาภิบาลส่วนมากรวมทั้งผมด้วย ได้เรียนรู้ถึงความลำบากในการดำเนินชีวิตแบบง่ายๆ คือถ้าเราสามารถจัดระบบการใช้ชีวิตให้ดีเท่าไร เราก็จะเกิดผลดีมากขึ้นเท่านั้น
เราจะพบวิธีที่จะเกิดผลมากมายจนชีวิตที่มีวินัยได้อย่างไร ท่ามกลางกระแสธารแห่งกิจกรรมต่างๆ ความจำเป็นและความต้องการในงานรับใช้พระเจ้าที่คริสตจักร
ผมตระหนักดีว่า ถ้าผมไม่ได้เรียนรู้การจัดลำดับความสำคัญในการรับใช้พระเจ้ามาก่อน ผมคงจะล้มลงในการรับใช้พระเจ้าแล้ว แทนที่จะมีไฟแห่งการรับใช้พระองค์ โมเสสเห็นพุ่มไม้บนเขาโฮเรบติดไฟ แต่ไม่ไหม้พุ่มไม้นั้น เช่นเดียวกันพระเจ้าต้องการให้ชีวิตของเราส่องสว่างแก่โลกนี้ โดยที่ตัวเราจะไม่ถูกเผาผลาญจากเปลวไฟนั้นด้วย
พระคัมภีร์สอนเราว่า “จงเอาใจใส่ทั้งตัวท่านและคำสอนของท่าน เพราะเมื่อกระทำดังนั้น ท่านจะช่วยทั้งตัวท่านเองและคนทั้งปวงที่ฟังท่านให้รอดได้” (1ทิโมธี4:16) และอาจารย์เปาโลยังสอนผู้นำทั้งหลายว่า “ท่านทั้งหลายจงระวังตัวให้ดี จงรักษาฝูงแกะที่พระวิญญาณฯได้ทรงตั้งท่านไว้ให้เป็นผู้ดูแล และเพื่อจะได้ปกครองคริสตจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้าที่พระองค์ทรงได้มาด้วยพระโลหิตของพระองค์เอง” (กจ20:28) ข้อความจากรพระคัมภีร์ตอนนี้มีความหมายพิเศษสำหรับชีวิตปัจจุบันของเรา เพราะว่าโลกทุกวันนี้เจริญอย่างรวดเร็วเกินกว่าจะสามารถดำเนินชีวิตให้เกิดความสมดุลย์และคงอยู่ในความถูกต้อง

ผู้มีอำนาจท่านหนึ่งเรียกยุคปัจจุบันว่า “ยุคแห่งอนาคตอันน่าสะพรึงกลัว” คือยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายในช่วงระยะเวลาสั้นๆและก็คงจะไม่มีใครเถียงยุคนี้ว่า เป็นยุคแห่งความเร่งรีบ ระดับของความเร่งรีบในการดำเนินชีวิตของเรามีผลกระทบถึงชีวิตส่วนตัว ครอบครัว และการรับใช้พระเจ้า ชีวิตทุกวันนี้ทำให้เราเกิดอาการทางประสาท หงุดหงิดมากเป็นประวัติการณ์ของประวัติศาสตร์โลก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องรู้ถึงสัญญาณเตือนภัย ที่จะเตือนให้เราหยุดก่อนจะสายเกินไป

สัญญาณเตือนภัย 10 ประการ เมื่อท่านรู้สึกว่า
1. การถวายตัวของท่านแด่พระเจ้าเป็นความทรมาน แทนที่จะใช้เวลากับพระคำของพระองค์และการอธิษฐาน ท่านกลับพบว่า ชีวิตของการอธิษฐานของท่านไม่สม่ำเสมอหรือน้อยลงเรื่อยๆ
2. ชีวิตในครอบครัวของท่านถูกกระทบกระเทือนอย่างมาก คนในครอบครัวแทบไม่ค่อยมีความสัมพันธ์ต่อกัน และความรักก็เยือกเย็นลง
3. ท่านล้าหลังผู้อื่น ท่านเร่งรีบในการรับใช้พระเจ้าเพื่อจะให้คนอื่น ท่านเร่งรีบจนผิดปกติ และพยายามทำให้มากกว่าที่ควรจะทำ ทำงานหนัก มาสายเพราะมัวพยายามทำอีกอย่างหนึ่ง รู้สึกหงุดหงิดและโกรธสิ่งต่างๆไม่เป็นไปตามอย่างที่ท่านวางแผนไว้
4. ท่านไม่ค่อยสบาย อารมณ์อ่อนไหวง่าย หงุดหงิดง่าย ไม่ค่อยอดทนและเครียดมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
5. วันสะบาโตเป็นวันพิเศษแทนที่จะเป็นวันพักผ่อน ท่านเห็นว่าไม่จำเป็นจะต้องพักสงบจิตใจ สมองและร่างกายในวันสะบาโต
6. ท่านเบื่อหน่ายต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัว ผมไม่ได้หมายถึงความอ่อนล้า อ่อนเพลียที่จะหายไปได้ด้วยการพักผ่อน แต่หมายถึงการสูญเสียพลังกายในจิตใจ ความรู้สึกว่าขาดสันติสุขภายใน และสูญเสียความรักดั้งเดิมที่เคยมีต่อพระเจ้าไป
7. ท่านไม่อยากออกกำลังกายอย่างที่เคยทำ หรือไม่ออกกำลังกายเลย ท่านรู้สึกขาดกำลังใจในการออกกำลังกาย
8. อาการป่วยไข้ของท่านกำเริบผมไม่ได้หมายถึงความเจ็บป่วยที่เกิดจากเชื้อโรคทั่วๆไป แต่หมายถึงอาการป่วยซึ่งเกิดจากความเครียด และความกดดันในตัวท่านเอง อาการปวดศีรษะ อาหารไม่ย่อย ท้องเสีย อาการเหล่านี้อาจเกิดความรู้สึกภายในของท่าน ซึ่งต้องแก้ไขซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน
9. ท่านไม่มีความยินดีในการรับใช้พระเจ้าอีกต่อไป ชีวิตของท่านขาดสันติสุขในส่วนลึกของจิตใจ และขาดสันติสุขในการรับใช้พระเจ้า
10. ท่านรู้สึกอยากหนีไปจากน้ำพระทัยของพระเจ้า และที่ร้ายแรงที่สุดก็คือความรู้สึกที่จะเลิกรับใช้พระเจ้าไปเลย

ถ้าท่านรู้สึกว่าตรงกับข้อหนึ่งใน 10 ข้อข้างบนนี้ล่ะก้อ ถึงเวลาท่านจะต้องขอเวลานอก เพื่อจัดการปรับความรู้สึกให้ถูกต้อง เพราะจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องดับไฟเสียแต่ต้นลม ก่อนที่จะสายเกินไป และทำความเสียหายอย่างรุนแรง

หลายปีก่อน ผมไปอยู่ต่างแดน พักกับผู้รับใช้พระเจ้าท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นศิษยาภิบาลของโบสถ์ใหญ่ที่เมืองนั้น หลังจากที่ผมใช้เวลาพูดคุยกับศิษยาภิบาลท่านนี้อยู่หลายวัน ก็ได้พบว่า นอกจากท่านจะทำงานหักโหมมากเกินไปแล้ว ท่านยังพยายามที่จะขยายงานรับใช้พระเจ้าจนเกินกำลังของท่านอีกด้วย ผมพยายามพูดให้ท่านชะลองานหนักของท่านบ้าง และใช้เวลามากขึ้นกับการอธิษฐานกับครอบครัว และพักผ่อนบ้าง แต่ท่านก็หัวเราะและยักไหล่และพูดว่า “ผมสบายดี” ต่อมาอีก 3 เดือน ผมก็ได้รับข่าวว่าท่านประสบปัญหากระทบกระเทือยจิตใจอย่างแรง จากการทุ่มเททำงานจนเกินกำลังนั้นเอง

หลัก 10 ประการที่ท่านควรจะยึดถือปฏิบัติ

เพื่อความยินดีในการเกิดผล และมีชีวิตที่สมดุลย์ของผู้รับใช้พระเจ้า ผู้ซึ่งทำหน้าที่เลี้ยงดูฝูงแกะของพระองค์ จงยึดถือหลักการต่อไปนี้ เพื่อให้ไฟแห่งการรับใช้พระเจ้าคุกรุ่นอยู่เสมอ ไม่มอดดับ หลักการเหล่านี้คือ

1. รอคอยพระเจ้าด้วยความมุ่งมั่น ไม่หวั่นไหว เราจะต้องมีกำลัง (พลัง) ภายในเพื่อจะสามารถรับมือกับสภาวะกดดันรอบข้างได้
2. เปรียบบ้านของท่านเสมือนหนึ่งรากฐานสำคัญในการรับใช้พระเจ้า ถ้าท่านไม่สามารถจัดการเรื่องราวในบ้านให้เรียบร้อย ท่านจะไปช่วยแก้ปัญหาให้ผู้อื่นได้อย่างไร
บิลลี่เกรแฮม เคยถูกถามว่า ในระยะเวลา 30 ปีแห่งการรับใช้พระเจ้า มีเรื่องใดที่ท่านควรทำแต่ท่านก็ไม่ได้ทำ ท่านตอบว่า ถ้าท่านมีโอกาสย้อนเวลากลับไป ท่านจะเลือกใช้เวลาส่วนมากกับการอธิษฐานกับครอบครัว และปฏิเสธการถูกกดดันด้วยการไปพูดในที่สาธารณะมากมายหลายครั้ง
3. พึงระมัดระวังความต้องการของตนเอง เพื่อคงไว้ซึ่งสัมพันธภาพกับผู้อื่น คริสตจักรถูกสร้างขึ้นเพื่อให้มีความสัมพันธ์กัน ไม่ใช่เพียงแต่ประชุมเท่านั้น พระคัมภีร์ใหม่กล่าวว่าไม่ใช่เพื่อประชุมปรึกษาหารือ แต่จงมีชีวิตที่รับภาระซึ่งกันและกัน เราจะพบการช่วยเหลือสนับสนุน การหนุนใจซึ่งกันและกัน การเสริมสร้างและการช่วยแก้ไขข้อบกพร่องของกันและกัน
4. พึงจดจำไว้เสมอว่าอุปนิสัยของแต่ละคน มีความสำคัญมากกว่าความสามารถพิเศษที่พระเจ้าประทานให้ พระเจ้าไม่ได้มองหาเพียงแต่บุคคลที่มีพรสวรรค์ในการรับใช้พระเจ้าเท่านั้น แต่ยังทรงต้องการบุคคลที่สัตย์ซื่อ เพื่อจะเป็นภาชนะที่จะทรงโปรดใช้ได้ เพื่อความรอดจะได้ไปถึงบุคคลที่ทรงเลือกสรรค์ไว้
5. ยอมจำนนเพื่องานรับใช้ยังคงอยู่ โมเสสอธิษฐานว่า “ขอความโปรดปรานของพระเจ้าของข้าพระองค์อยู่เหนือข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงสถาปนาหัตถกิจของข้าพระองค์ทั้งหลาย” (สดุดี90:17) โมเสสต้องการให้งานรับใช้ของเขาผ่านการทดสอบขององค์พระผู้เป็เนจ้า ซึ่งพระองค์จะทรงพิพากษางานรับใช้ของทุกคน
6. เรียนรู้จากการวางแผน จัดระบบและจัดการกับเวลาให้ถูกต้อง เพื่อให้เกิดผลในงานรับใช้พระเจ้า ท่านจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการจัดแบ่งงานให้ถูกต้องเหมาะสม ถ้าท่านไม่สามารถแยกเรื่องด่วนออกจากเรื่องสำคัญได้ หรือไม่สามารถจัดตารางเวลาให้เหมาะสมกับแผนงานของพระเจ้าต่อชีวิตของท่าน ท่านก็จะพบว่าท่านไม่มีเวลาเพียงพอเสมอ
สำหรับผู้รับใช้พระเจ้าที่หิวกระหายการเกิดผลมากขึ้น การมีประสิทธิภาพมากขึ้นจงสังเกตผู้นำคนอื่น ไปขอคำแนะนำจากผู้มีบทบาทในการรับใช้ เข้าร่วมการสัมมนา อ่านหนังสือที่มีประโยชน์ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ ฟังเทปเกี่ยวกับการวางแผนงาน จัดระบบงานและจัดตารางให้ถูกต้องเหมาะสม
ข้อเตือนใจ เนื่องจากความรับผิดชอบในการรับใช้เปลี่ยนไป และพระเจ้าต้องการให้เราพึ่งพระองค์ ไม่ใช่เพียงแต่ทำตามตารางเวลาอย่างเดียว จึงเป็นการดีที่เราจะประเมินการใช้เวลาสัปดาห์ละครั้ง และการจัดลำดับความสำคัญของเราเดือนละครั้ง และการแก้ไขให้เหมาะสมอย่างที่ควรจะเป็น
7. จัดสรรเวลาพักผ่อนอย่างระมัดระวังและอย่างสร้างสรรค์ เพื่อจะได้มีชีวิตอยู่อย่างสมบูรณ์ทั้งกาย ใจ สมอง และอารมณ์ และเพื่อถวายเกียรติแด่พระเจ้า พระคำของพระองค์ประกาศไว้อย่างชัดเจนว่า จำเป็นอย่างยิ่งต่อผู้นำคริสเตียนที่จะซื่อสัตย์ซื่อในการหาเวลาพักผ่อนบ้าง
8. จงรู้จักปฏิเสธ ผู้รับใช้พระเจ้าท่านหนึ่งเคยกล่าวกับผมว่า มี 2 อย่างที่ผู้นำจะต้องเรียนรู้ คือการปฏิเสธคนอื่น และ ยอมรับว่าจะต้องมีคนเสียใจกับการปฏิเสธของเขา
9. การออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างสม่ำเสมอ และจำเป็นต่อชีวิต มีอาหารที่มีคุณค่าให้ท่านเลือกมากมาย หมั่นออกกำลังกายเป้นประจำ ไม่จำเป็นเลยที่มนุษ์จะต้องทรมานร่างกาย เมื่อพระเจ้าทรงสร้างทุกอย่างให้พร้อมอยู่แล้ว
ถ้าจนถึงวันนี้แล้วท่านยังไม่เคยออกกำลังกาย จงทำเสียเดี๋ยวนี้ จอห์น เวสลีย์เขียนไว้ในหนังสือที่ระลึกครบรอบ 85 ปีของเขาว่า การที่เขามีสุขภาพดีมากก็เพราะสิ่งแรกคือการออกกำลังกายเป็นประจำและการเปลี่ยนบรรยากาศบ้างเป็นบางครั้ง
10. จงอยู่ในขอบเขตของตน และอย่าเปรียบเทียบ ไม่มีสิ่งใดในโลกที่จะมีอำนาจเหนือจิตใจของผู้รับใช้พระเจ้าที่เข้าใจขอบเขตการรับใช้ ซึ่งพระองค์ทรงประทานให้ว่าเป็นสันติสุข และนอกขอบเขตนั้นคือความกระวนกระวาย ขาดสันติสุข การทรงเรียกก็เพื่อจะยกย่องซึ่งกันและกัน ไม่ใช่ชิงดีชิงเด่นกัน ในการสร้างคริสตจักรของพระเจ้า
พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า “เราไม่ต้องการที่จะเปรียบเทียบตัวเราเองกับคนบางคนที่ยกย่องตัวเอง แต่เมื่อเขาอวดตัวเป็นเครื่องวัดกันและกัน และเอาตัวเปรียบ
กันและกันแล้ว เขาก็เป็นคนขาดความเข้าใจ (2โครินธ์10:12)

ในชั่วโมงแห่งการฟื้นฟูคริสตจักร เราจะเห็นผู้คนมากมายมาถึงพระเจ้า เป็นเรื่องที่น่าขอบพระคุณที่เราได้รู้แผนการของพระเจ้าที่ทรงเลือกสรรสาวกของพระองค์และทรงโปรดให้เขาเหล่านั้น รับใช้ร่วมกันเป็นทีม โดยพวกกเราแต่ละคนไม่มีใครไปถึงหลักชัยได้เลย

ข้อมูลจากฝ่าย ประชาสัมพันธ์ วันที่ 26/12/2003