15/02/2015
“อย่าให้ต่างคนต่างเห็นแก่ประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นๆด้วย” (ฟป.2:4) ความเห็นแก่ตัวและการยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางทำให้ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันถูกทำลายไป คนที่เห็นแก่ตัวอาจเกิดขึ้นได้ในท่ามกลางคนที่เรียกตัวเองว่าคริสเตียน แม้ว่าเขาจะได้รับรู้ถึงความรักและการเสียสละของพระคริสต์บนไม้กางเขน แต่อิทธิพลของเนื้อหนังยังเกาะกุมจิตใจของเขา เพราะธรรมชาติของเนื้อหนังจะยกตัวเองเป็นใหญ่เหนือทุกสิ่ง

การจะเอาชนะความเห็นแก่ตัวได้ต้องพึ่งพาพระวิญญาณบริสุทธิ์ทำงานในใจ พระองค์จะประทานความรักของพระเจ้าที่มีพลังในการเปลี่ยนแปลงจิตใจของคนเราได้อย่างอัศจรรย์ จากคนที่เคยเห็นแก่ประโยชน์ของตนเท่านั้น กลายเป็นคนที่เห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นด้วย การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ทำให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างสงบสุขได้ดีขึ้น เพราะเป็นคนมีน้ำใจและเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น แทนที่จะดื้อรั้นและเอาแต่ในตัวเอง ก็เริ่มรู้จักคิดถึงจิตใจและความต้องการของผู้อื่นพยายามหาทางออกที่ทำให้ทุกคนได้รับประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งคนที่เห็นแก่ตัวจะไม่เข้าใจและไม่ยอมรับ

ชีวิตที่เกิดผลให้พระเจ้าใช้ได้ต้องมีจิตใจที่เสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อทำประโยชน์แก่ผู้อื่น ถ้ามีความเห็นแก่ตัวอยู่ในใจก็จะคิดว่าเป็นเรื่องโง่เขลาในการทำเช่นนั้น พวกเขาจะเห็นว่าการรับทำให้เกิดความสุขมากกว่าการให้ ซึ่งตรงข้ามกับคำตรัสของพระเยซูที่ว่า”การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ”(กจ.20:35) ชีวิตที่เกิดผลต้องเป็นชีวิตที่ไม่เห็นแก่ประโยชน์ของตนเท่านั้น