ในสมัยของพระเยซูพวกคนเก็บภาษีและพวกหญิงโสเภณีถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นคนบาป เป็นที่รังเกียจของพวกฟาริสีและพวกธรรมาจารย์อย่างยิ่ง ทำให้คนบาปเหล่านี้รู้สึกว่าพระเจ้าไม่รักพวกเขาและไม่สนใจพวกเขา เพราะพวกฟาริสีและธรรมาจารย์เป็นพวกที่สังคมให้เกียรติและถือว่าใกล้ชิดพระเจ้า เป็นตัวแทนของพระเจ้าในสังคมยิว เมื่อพวกเขาแสดงความรังเกียจต่อคนเก็บภาษีและหญิงโสเภณี ก็แสดงว่าพระเจ้าก็รังเกียจเช่นเดียวกัน แต่พระเยซูไม่ได้แสดงความรังเกียจคนเหล่านี้ พระองค์แสดงความรักและความเมตตา และอนุญาตให้คนเหล่านี้มาห้อมล้อมใกล้ชิดพระองค์เพื่อฟังคำสอนของพระองค์ การปฏิบัติตัวของพระเยซูเช่นนั้นทำให้ถูกวิจารณ์ไปในทางลบ

“ในเวลานั้นบรรดาคนเก็บภาษีและพวกคนบาปเข้ามาใกล้เพื่อจะฟังพระองค์ พวกฟาริสีและพวกธรรมจารย์ก็บ่นว่า’คนนี้ต้อนรับคนบาปและกินด้วยกันกับเขา’ “(ลก.15:1-2) พวกเขาได้สัมผัสถึงความรักของพระเยซูคริสต์ที่มีต่อพวกเขา พระองค์ไม่ได้รังเกียจ แต่ยินดีต้อนรับพวกเขา พระเยซูเรียกมัดทิวคนเก็บภาษีให้มาเป็นสาวก 1 ใน 12 คนที่ใกล้ชิด พระองค์ได้ปลดปล่อยมารีย์มักดาลาให้หลุดจากการครอบงำของผีโสโครก อดีตของนางหลับนอนกับผู้ชายมากมายเพราะนางเป็นหญิงโสเภณี แต่พระเยซูก็ให้นางเป็นสาวกติดตามพระองค์ ชีวิตคนเหล่านี้เปลี่ยนแปลงเมื่อสัมผัสความรักและฤทธิ์เดชของพระเจ้าที่ไหลผ่านทางชีวิตและการรับใช้ของพระเยซูคริสต์

ปัจจุบันนี้มีคนมากมายที่ไม่รู้ว่าพระเจ้าทรงรักเขา ชีวิตในอดีตมีความผิดบาปและความชั่วร้าย ถ้าสวรรค์และนรกมีจริง พวกเขาคิดว่าคงตกนรกแน่นอน คนเหล่านี้จะรู้จักความจริงว่าพระเจ้าทรงรักพวกเขาเมื่อพวกเราที่เป็นลูกพระเจ้าไปประกาศและสำแดงความรักแก่พวกเขา